ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ไวน์มีมาตั้งแต่ยุคหิน


ไวน์มีมาตั้งแต่ยุคหิน?
นักโบราณคดีสายชีวโมเลกุลชื่อ แพทริก แม็คโกเวน จากมหาวิทยาลัยฟิลาเดเฟีย เพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริการะบุเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2004 ว่าผู้ที่ได้ลิ้มชิมรสไวน์คนแรกๆ น่าจะเป็นมนุษย์ในยุคหินเก่า ซึ่งน่าจะเกาะติดมากับหนังสัตว์หรือที่ตกค้างอยู่ในร่องไม้และคงสังเกตุจากนกที่เที่ยวิบนไปชิมน้ำองุ่นเน่า แล้วปรากฎว่านกเหล่านั้นร่าเริง จึงทดลองชิมดูบ้าง พอได้ชิมกันถ้วนหน้าก็พากันชื่นชอบทำให้การชิมไวน์กระจายไปทั่วและพัฒนาขั้นตอนการผลิตเลียนแบบธรรมชาติขึ้นมา

“นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก และน่าจะเรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีชีวภาพครั้งแรกๆ ของโลกด้วย” แม็กโกเวนกล่าวภาพเขียนบนภาชนะโบราณรูปไดโอนีซุสกำลัง
ปรุงไวน์เรื่องนี้ฟังดูแล้วเหมือนนิทานซะมากกว่า เพราะสิ่งไหนๆ ก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากอุบัติเหตุทางธรรมชาติได้ทั้งนั้นแต่ด้วยวิทยการสมัยใหม่ที่หลอมรวมกันของวิชาเคมี กาค้นคว้าทางโบราณคดี และประวัติศาสตร์ของไวน์เองที่ย้อนกลับไปถึงช่วงหลังยุคหิน

จึงทำให้ข้อสันนิษฐานการกำเนิดของไวน์ดังกล่าวนั้นมีน้ำหนักความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
และเพื่อหาหลักฐานมาสนับสนุนที่ชัดเจนขึ้น ทีมงานนักวิทยาศาสตร์จากหลายประเทศ ทั้งอเมริกา อิตาลี และตุรกี จึงร่วมมือกันตามล่าหาองุ่นสายพันธุ์โบราณที่ไม่ผสมกับสายพันธุ์อื่นเลยในเขตพื้นที่ชนบทและภูเขาของตุรกี ที่เลือกตุรกีก็เพราะอยู่ในต้นทางของแหล่งอารยธรรมโบราณลุ่มแม่น้ำไทกริส และเมื่อพบแล้วจะได้ทดสอบเทียบกับโบราณวัตถุที่ค้นพบจากแหล่งโบราณคดีเก่าแก่ทั้งหลายว่ามีกรดทาร์ทาริค
(กรดอินทรีย์ที่พบในองุ่น) ชนิดเดียวกันหรือไม่
ภาชนะโบราณที่ขุดค้นพบในเมืองโกดินเทป ทางตะวันตกของอิหร่าน

ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบก้นภาชนะโบราณที่ขุดค้นพบในเมืองโกดินเทป ทางตะวันตกของอิหร่าน ที่มีอายุราว 3,000 ปีก่อนคริสต์กาล

ปรากฎว่าพบกรดทาร์ทาริคที่ก้นภาชนะอายุมากถึงประมาณ 5,000 ปีภาชนะดังกล่าวมีลักษณะพิเศษ คือมีคอที่คอดเพื่อไล่อ็อกซิเจนออก (อ็อกซิเจนทำให้ไวน์กลายเป็นน้ำส้ม) ซึ่งบ่งชัดว่าใช้สำหรับบรรจุไวน์
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการตรวจวัดทางเคมีที่เชื่อถือได้ เราจึงสามารถย้อนรอยต้นกำเนิดของไวน์ได้ไกลขึ้นไปเรื่อยๆ

ยิ่งมีหลักฐานทางโบราณคดีมาให้ตรวจสอบด้วย ยิ่งมีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้นภาพเขียนชาวเปอร์เซียกำลังรินไวน์ซึ่งการตามหาอดีตเช่นนี้ หลายคนสงสัยว่าทำไปทำไม ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เจ้าของโครงการนี้ได้ให้ความเห็นไว้ นอกจากรู้ปีที่กำเนิดแล้ว ยังทำให้เห็นสภาพบ้านเมืองในยุคนั้นๆ ได้ด้วย ทั้งสภาพเศรษฐกิจและสังคม เมื่อเอาไปประมวลรวมกับบันทึประวัติศาสตร์ หรือหลักฐานจากการขุดค้นอื่นๆ เราก็จะมองเห็นโครงสร้างและหน้าตาเมืองที่อยู่ในสมัยโบราณแจ่มชัดยิ่งขึ้น

ส่วนสำหรับผู้เขียนคิดว่า อย่างน้อยที่สุด “เราก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ดื่มเข้าไปมีที่มาที่มาที่ไปอย่างไร”

รายการบล็อกของฉัน