ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

สาเหตุของการรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงและไม่ร่าเริง


เวลาที่คุณรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง เวลาที่เราอ่อนเพลียจัดเรียงแบบเสมอกันทั้งหมด เรามักโทษความเครียดและการนอนน้อย แต่ยังมีสิ่งผิดปกติอื่นอีกที่สามารถสูบพลังจนหมดตัวคุณได้..

1.ใช้โทรศัพท์มากเกินไป
คุณจะเสียน้ำในร่างกายไปทางปากขณะพูด ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่า "phone-fatigue" ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพนักงานตามศูนย์บริการลูกค้า อาการขาดน้ำทำให้เลือดแข็งตัวและลดปริมาณออกซิเจนในระบบที่เป็นตัวให้ พลังงาน ดังนั้น ถ้าคุณใช้โทรศัพท์นาน ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างคุย

2.ความดันเลือดต่ำ
ความดันเลือดต่ำคือสาเหตุใหญ่ที่คุณหมดแรง แพทย์ยังไม่รู้ว่าทำไม แต่เป็นไปได้ว่ามันทำให้เลือดส่งไปยังสมองไม่เต็มที่ ซึ่งอาจทำให้อ่อนเพลีย อาการที่พบได้บ่อยที่สุดในคนที่มีความดันเลือดต่ำคือ รู้สึกหน้ามืดเวลาลุกขึ้นปุปปับ หรือเวลายืนนานๆ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์

3.เล่นเน็ตถึกเกินไป
ฮอร์โมนเมลาโทนินจะกระตุ้นให้เรานอนหลับ แต่แสงจากจอคอมพิวเตอร์ อาจทำให้เราหลับยาก โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังดูสิ่งที่สนใจอยู่ ซึ่งทำให้คุณมักนอนดึก และมีเวลานอนหลับน้อยลง ให้คุณทำอย่างอื่นที่ผ่อนคลายกว่า เช่น อ่านหนังสือแล้วดูสิว่าคุณจะตื่นตัวมากกว่าเดิมในวันใหม่หรือเปล่า

4.กินอาหารไม่เต็มที่
การเฝ้ารออาหารจะเพิ่มปริมาณน้ำย่อย และทำให้เราดูดซับสารอาหารได้มากขึ้น ที่มันเกี่ยวกับอาการอ่อนเพลียก็เพราะการขาดธาตุเหล็กคือหนึ่งในสาเหตุของ ความอ่อนเพลียที่พบมากในผู้หญิง ดังนั้นไม่ว่าอะไรที่เพิ่มระดับสารอาหารให้คุณ ก็จะเพิ่มพลังใจและกายให้ด้วย

5.ไม่ออกกำลัง
นักวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังอย่างน้อย 20 นาที แม้จะแค่อาทิตย์ละครั้งก็จะรู้สึกอ่อนเพลียน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังเลย ประมาณ 30% ถ้าเห็นว่าออกกำลังเป็นเรื่องยากเกินไป ให้คุณกินผักและผลไม้เพิ่ม คนที่กินผักผลไม้อย่างน้อย 4-5 จานต่อวันจะออกกำลังได้อย่างสบายๆ

6.อิทธิพลของเดือนเกิด
ถ้าคุณเกิดเดือนธันวาคม หรือมกราคม จะอ่อนเพลียใหนช่วงเย็นมากกว่าคนที่เกิดเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคมที่จะขี้เซาในยามเช้า นักวิทยาศาสตร์บอกว่า การสัมผัสของแสงแดดยามเช้าประมาณ 15 นาที จะทำให้คนประเภทหลังตาสว่าง ส่วนกาแฟยามบ่ายจะเพิ่มพลังให้กับคนประเภทแรก

7.กรามแข็ง
คุณสามารถใส่นิ้ว 3 นิ้วเรียงเป็นแนวตั้งเข้าปากพร้อมกันหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ คุณคงมีปัญหาที่เรียกว่าโรค TMJ (temporomandi bular joint) แพทย์บอกว่ามันคือความไม่สมดุลระหว่างกล้ามเนื้อใกล้กราม และตำแหน่งของฟัน อาการทั่วไปคืออ่อนเพลียและปวดหัว ปวดคอ หรือไหล่ ควรปรึกษาทันตแพทย์

8.ธรณีหน้าต่างสกปรก
จากการวิจัยพบว่า 88% ของบ้านทั่วไปจะมีราขึ้นตามหน้าต่าง และการแพ้เชื้อราเหล่านี้เองคือ สาเหตุหนึ่งของความอ่อนเพลีย ใช้ผงซักฟอกทำความสะอาดและตรวจดูผ้าม่านอาบน้ำของคุณด้วยว่ามีราหรือเปล่า

9.ไม่ได้เอาผ้าห่มไปผึ่งแดด
ระดับความขึ้นสูงทำให้ไรฝุ่นเติบโตได้ดี มันอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบตามหลอดลมในปอด ทำให้หายใจติดขัดและนอนหลับไม่สนิท และเป็นสาเหตุของความอ่อนเพลียในวันต่อมา นำผ้าห่มผึ่งแดดเป็นประจำ เมื่อความชื้นหมดไป ก็ไม่มีไรฝุ่น

10.เชื่องช้า งุ่มงาม
ร่างกายจะใช้พลังงานมากขึ้นเมื่อคุณงุ่มง่าม เพราะปริมาณกลูโคสเข้าสู่สมองน้อยลง คุณเลยอ่อนเพลีย การผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดทำได้โดยเหวี่ยงแขนไปหน้าและหลัง สลับทีละแขน

11.อยู่ใกล้คนมองโลกในแง่ร้าย
คนที่มองทุกอย่างในแง่ร้ายจะฉุดพลังคุณหดหายไปด้วย เพื่อลดอิทธิพลของพวกเขา ให้จินตนาการว่าคุณกำลังใส่เสื้อคลุมสีดำเวลาคุยกัน ก็จะยับยั้งไม่ให้คุณดูดพลังแง่ลบจากพวกเขาได้

12.อยู่ใกล้เครื่องใช้ ไฟฟ้ามากเกินไป
ขั้วบวกที่มาจากอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ หรือเครื่องปรับอากาศอาจกระตุ้นให้เกิดฮอร์โมนที่ทำให้เราอ่อนเพลียและซึม เศร้า ให้เสียบปลั๊กตัวแปลงขั้วไฟฟ้าเพื่อเพิ่มระดับของขั้วลบที่เสริมพลังในอากาศ

13.ลืมดื่มกาแฟตอนเช้า
ถ้าคุณไม่ได้ดื่มกาแฟยามเช้า พลังกายและใจอาจตกวูบในวันนี้ จากงานวิจัยพบว่า ผู้ร่วมวิจัย 50% มีอาการอ่อนเพลียถ้าไม่ได้ดื่มกาแฟถ้วยแรกของวัน ซึ่งมีถึง 13% ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

14.บ้านรก
ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยบอกว่ากองสิ่งของรกเกะกะจะทำให้สถานที่นั้นขาดพลัง และกระตุ้นให้คุณขาดพลังไปด้วย คุณไม่ต้องถึงกับเก็บทุกอย่างในทันที แค่สะสางพื้นที่อาทิตย์ละครั้งก็ใช้ได้

15.ร่างกายมีปัญหา
แม้ว่าการเจ็บหน้าอกคือสัญญาณหลักๆ บอกถึงอาการโรคหัวใจ แต่สำหรับเพศหญิง สัญญาณนั้นอาจเป็นความอ่อนเพลีย ซึ่งมีมากถึง 70% ที่อ่อนเพลียภายในเดือนนั้น ก่อนหัวใจกำเริบ สัญญาณอื่นๆอาจรวมถึงการนอนไม่หลับ หายใจขาดห้วง อาหารไม่ย่อยและความเครียด 43% ของผู้หญิงไม่มีอาการเจ็บหน้าอกเลย แม้โรคหัวใจจะกำเริบก็ตาม พบผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนเป็นโรคหัวใจน้อยมาก แต่ถ้าคุณรู้สึกไม่ดี ควรตรวจร่างกาย โดยเฉพาะถ้าคุณมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น สูบบุหรี่ ความดันเลือดสูง คลอเรสเตอรอลสูง เป็นเบาหวาน หรือคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ

16.กลั้นหาว
การหาวเป็นวิธีธรรมชาติที่ร่างกายของเรากระตุ้นให้เราตื่น นักจิตวิทยาบอกว่าการเคลื่อนไหวของกรามจะบีบหลอดเลือดบนใบหน้า ซึ่งส่งเลือดไปยังสมอง การกลั้นหาวจึงเป็นการยับยั้งกระบวนการนี้และทำให้คุณยิ่งง่วงนอนมากขี้น

17.ใช้ชีวิตตามตาราง
ตารางกิจกรรมที่เตือนคุณทุกอย่างว่าต้องทำอะไรบ้างคือตัวดูดพลังชั้นดี นักวิจัยพบว่าคนที่คิดว่าเขาทำอะไรไปได้มากแค่ไหนมักจะอ่อนเพลียง่ายกว่าคน ที่ทำสิ่งที่ต้องทำไปเรื่อยๆ

18.หมอนเก่าเกินไป
ถ้าหมอนของคุณยวบยาบไม่แข็งพอ จะทำให้ลำคอของคุณไม่ได้ระนาบเดียวกับลำตัว ซึ่งไม่เพียงทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวซึ่งทำให้คุณนอนไม่หลับแล้ว ยังไปกีดขวางระบบการหายใจเวลาคุณหลับด้วยถ้าหมอนของคุณอ่อนนิ่มจนโอบรอบแขน คุณได้ ก็ถึงเวลาซื้อใบใหม่แล้ว


เคล็ดลับวิธีแก้อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง (Chronic Fatigue Syndrome)
ใน สังคมปัจจุบันนี้คน (มีอันจะกิน) ทั่วไป นิยมบริโภควิตามินและอาหารเสริมกันมาก ผิดกับยุค 20 ปี ก่อนที่ผมเริ่มทำงานเป็นหมอใหม่ๆ ยุคนั้นหมอเราจะรู้จักวิตามินแค่ MTV (วิตามินรวม) B co (วิตามินบีรวม) B 1612 (วิตามินบี 1, บี 6, บี 12) การใช้นั้นก็มักจะให้ MTV, B co ในคนไข้ที่มาด้วย อาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง นอนไม่หลับ แล้วหาสาเหตุไม่ได้ ส่วน B 1612 ก็จะให้ในคนไข้เบาหวานและคนไข้ที่ชาปลายมือปลายเท้า แต่ในปัจจุบันมีการศึกษาผลของวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ กันอย่างแพร่หลายและบริษัทยา บริษัทขายตรงต่างๆ ก็เอาวิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ มาบรรยายสรรพคุณและขายกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยที่บางคนก็ซื้อมารับประทานมากเกินไปโดยไม่จำเป็น

แล้วคนกลุ่มไหนที่จำเป็นต้องรับประทานวิตามินและเกลือแร่เป็นอาหารเสริม?
โดยหลักการแล้วคือ
1. คนที่มีอาการผิดปกติต่างๆ ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินและเกลือแร่
2. คนที่ไม่บริโภคผัก ผลไม้ เป็นประจำ
3. คนที่ต้องการเสริมสร้างให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ใน กรณีที่ท่านผู้อ่านมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังนั้นมีโอกาสที่ท่านจะเกิดจากขาด วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ได้อาทิ เช่น ขาดธาตุเหล็ก โฟลิกแอซิด และวิตามิน บี 12 ก็เป็นสาเหตุให้โลหิตจาง และอ่อนเพลียได้ ถ้าขาดวิตามินบี 1 ก็เป็นสาเหตุให้เป็นโรคเหน็บชา (Beriberi) เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรงได้ ถ้าขาดเกลือแร่ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม ก็ทำให้มีอาการอ่อนเพลียได้ ฯลฯ อีกมากมาย

จะเห็นว่าเมื่อท่านมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังแล้วอยากจะหาวิตามินและเกลือแร่ มารับประทานเองนั้นค่อนข้างจะยากเนื่องจากสาเหตุนั้นมีมากมาย ควรจะป้องกันโดยการรับประทานอาหารให้ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ และถ้ายังไม่ดีขึ้น ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย โดยละเอียดจะได้ทำการรักษาให้หายขาดได้นะครับ

เรียบเรียงข้อมูลโดยmanman

รายการบล็อกของฉัน