😤เรื่องจริงสุดเศร้า! ชายหนุ่มผิวสีที่เคยถูกขังอยู่ในกรง "สวนสัตว์มนุษย์" ◕‿-
เรื่องสุดเศร้าของชายหนุ่มที่ถูกนำมาขังกรงให้คนดูเพียงเพราะเขามีสีผิวที่แตกต่าง เรื่องจริงที่น่าสลดใจของชายผิวสีที่ชื่อ โอตา เบงกา กับชีวิตในกรงขังในสวนสัตว์มนุษย์ที่เคยมีอยู่จริง ๆ ในอเมริกา
เมื่อ 100 กว่าปีที่ผ่านมา ชายคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตายจากความเครียดหลังจากทุกข์ทรมานกับเรื่องเศร้า ๆ มาตลอดชีวิต เรื่องมีอยู่ว่าเขาเคยถูกซื้อตัวจากบ้านเกิดที่ประเทศคองโกเพื่อนำไปแสดงตัวอยู่ใน "สวนสัตว์มนุษย์" เพื่อความบันเทิงของมนุษย์ด้วยกัน เพียงแค่เพราะเขามีผิวสีคล้ำจึงทำให้เขาเป็นสิ่งประหลาดดึงดูดความสนใจจากชาวผิวขาวยิ่งนัก ชื่อของชายคนนั้นคือ 'โอตา เบงกา'
โอตา เบงกา เป็นหนึ่งในสมาชิกชนเผ่าปิ๊กมี่ เขาสูญเสียลูก ๆ และภรรยาในช่วงที่เบลเยี่ยมมาล่าอาณานิคมที่ประเทศคองโก หมู่บ้านของเขาถูกโจมตีและฆาตกรรมเกือบทั้งหมดแต่เขารอดมาได้เพราะกำลังอยู่ในระหว่างออกล่าสัตว์ และผู้ที่รอดจากการบุกรุกฆาตกรรมนั้นจะโดนจับมาเป็นทาส และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น จนภายหลังในปี คศ. 1904 ชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า ซามูเอล ฟิลลิปส์ เวอร์เนอร์ (Samuel Phillips Verner) ได้เจอกับเขาและใช้เสื้อผ้าจำนวนหนึ่งกับเกลือเพื่อซื้อตัวโอตาจากการเป็นทาสเพื่อกลับไปที่อเมริกากับเขา แรกสุดเวอร์เนอร์พาโอตาไปโชว์ตัวที่งานเอ็กซ์โปที่รัฐลุยเซียน่า
(Louisiana Purchase Exposition) ภายใต้ชื่อว่า 'มนุษย์จากชนเผ่าแอฟริกันกินคนคนเดียวในอเมริกา'
โดยมีเสียงตอบรับจากคนมากมายมหาศาลด้วยความแปลกตาจากสีผิวและฟันที่แหลมคมของโอตา (เกิดจากการตะไบฟันในพิธีกรรมสำหรับเด็กผู้ชายในชนเผ่าของเขา) ทำให้คนตื่นเต้นและประหลาดใจกันเป็นอย่างมาก
ต่อมาโอตาถูกปล่อยตัวและได้รับการดูแลภายใต้ชื่อของบาทหลวงเจมส์ กอร์ดอน (James M. Gordon) และพาเขาไปอยู่ที่รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งโอตาได้รับการดูแลเหมือนคนปกติธรรมดาที่ควรจะเป็น เขาดูแลโอตาเป็นอย่างดี ด้วยการพาโอตาไปซื้อเสื้อผ้า ทำฟันใหม่และให้โอตาแต่งตัวเหมือนคนอเมริกันทั่วไปเพื่อจะได้อยู่ร่วมและได้รับการยอมรับจากสังคม นอกจากนั้นยังสอนภาษาอังกฤษให้เขา และมอบโอกาสในการทำงานให้กับเขา แต่ชีวิตก็ไม่ได้สวยหรูและง่ายขนาดนั้น เมื่อความหวังที่จะได้กลับบ้านเกิดที่คองโกของโอตาต้องพลังทลายลง เมื่อเกิดความจลาจลขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ประชาชนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ และภายใต้สภาพบ้านเมืองที่เครียดและกดดันประกอบกับชีวิตที่น่าเศร้าของเขาจึงทำให้โอตาจบชีวิตตัวเองลงด้วยการฆ่าตัวตายในปี 1916 ด้วยอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น
ประเด็นเรื่องสีผิวและเชื้อชาตินั้นค่อนข้างอ่อนไหวและยังคงมีการถกเถียงรณรงค์กันเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและการอยู่ร่วมกันโดยไม่แบ่งแยกจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้เรื่องราวของโอตานั้นน่าเศร้า แต่เราก็ยังหวังอยากเห็นโลกสวยงามด้วยการอยู่ร่วมกัน ช่วยเหลือกัน และเห็นค่าของมนุษย์เท่า ๆ กัน จะได้อยู่อย่างมีความสุข...
ประเด็นเรื่องสีผิวและเชื้อชาตินั้นค่อนข้างอ่อนไหวและยังคงมีการถกเถียงรณรงค์กันเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและการอยู่ร่วมกันโดยไม่แบ่งแยกจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้เรื่องราวของโอตานั้นน่าเศร้า แต่เราก็ยังหวังอยากเห็นโลกสวยงามด้วยการอยู่ร่วมกัน ช่วยเหลือกัน และเห็นค่าของมนุษย์เท่า ๆ กัน จะได้อยู่อย่างมีความสุข...