มัมมี่ฝังใต้แผ่นดินจีน ไฉนหน้าตาเป็นฝรั่ง

The Tarim Mummies
มัมมี่ฝังใต้แผ่นดินจีน
ไฉนหน้าตาเป็นฝรั่ง

"โฉมงามเสี่ยวเหอ" มัมมี่อายุ3,800 ปี ซึ่งขุดค้นพบใต้ผืนทรายอันแห้งผากในแอ่งทาริมทางภาคตะวันตกไกลของจีน - ยูเอสเอ ทูเดย์

ยูเอสเอ ทูเดย์ – การจัดแสดงนิทรรศการมัมมี่จากแดนมังกรที่พิพิธภัณฑ์เบาเออร์ส 

(Bowers Museum)
ในเมืองซานตา อานา รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เผยเรื่องราวเกี่ยวกับศพอาบยาพันปี ที่น้อยคนนักจะได้รู้จัก
       

งานนิทรรศการ ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 27 มี.ค. มีชื่อว่า “ความลับแห่งเส้นทางสายไหม: มัมมี่ลึกลับจากจีน” แต่มัมมี่ 3 ตัว ที่นำมาแสดงในอเมริกาเป็นครั้งแรก พร้อมกับวัตถุโบราณ อายุช่วง 2,000 -4,000 ปี อีก 150 ชิ้นนี้ ดึกดำบรรพ์กว่ากำเนิดของเส้นทางค้าโบราณ และที่น่าสนเท่ห์ก็คือ มันมีหน้าตาเหมือนชาวยุโรป
ทั้งที่แหล่งขุดพบอยู่ที่แอ่งทาริม
(Tarim basin) ทางภาคตะวันตก
ของจีน
               

ซากศพยุคบรรพกาลได้รับการเก็บรักษาอย่างดีถึงขนาดที่ว่า มองเห็นขนตา และเสื้อผ้าอาภรณ์ อันประณีต
ที่หุ้มห่อร่างกันเลย
      
มัมมี่ตัวหนึ่ง นักโบราณคดีตั้งชื่ออย่างเอ็นดูว่า “โฉมงามเสี่ยวเหอ” มีสภาพราวกับกำลังงีบหลับ ดวงตาของหล่อนกลม ผิวพรรณขาว

“พอเห็นมัมมี่พวกนี้ ผมถึงกับสะดุ้ง และคิดว่าโอ พระเจ้า !คล้ายคนยุโรปเลย”วิกเตอร์ แมร์ อาจารย์สอนภาษาและวรรณคดีจีนของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียเล่า
      
เขาศึกษาเรื่องมัมมี่มาตั้งแต่ปี 2536 และร่วมเขียนหนังสือเรื่อง The Tarim Mummies: Ancient China and the Mysery of the Earliest Peoples From the West
     
ดร.สเปนเซอร์ เวลส์ ผู้อำนวยการโครงการจีโนกราฟิกของเนชั่นแนล จีโอกราฟิก โซไซตี้ ระบุว่า การค้นพบมัมมี่หน้าตาชาวคอเคเชียนเหล่านี้ทำให้สันนิษฐานว่า พวกชนเผ่าเร่ร่อนในยุคสำริด ซึ่งพูดภาษาตระกูลอินโด-ยูโรเปียน บางทีอาจเป็นคนมาจากแถบรัสเซีย และยูเครน น่าจะเป็นผู้นำวัฒนธรรม และถ่ายทอดยีนส์ ลักษณะรูปร่างหน้าตาให้แก่ผู้คนในแถบตะวันตกของจีน
      
จากการวิจัยดีเอ็นเอเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังทำให้เห็นความเกี่ยวข้องกันระหว่างผู้คนจากโลกตะวันตกกับผู้หญิง และผู้คนในเอเชียกลาง
      
อีกทั้งข้าวของบางชิ้น ที่พบอยู่กับมัมมี่ เช่น เครื่องใช้สำริด และกระดูกแกะ ก็บ่งนัยว่า ชาวยุโรปเป็นผู้ถ่ายทอดเทคโนโลยี เช่น การผสมโลหะ และการนำสัตว์บางชนิดมาเลี้ยงให้แก่จีน นอกจากนั้น การค้าระหว่างยุโรปกับเอเชียยังอาจเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อเกือบ 4,000 ปีแล้วก็ได้ ทว่าการก่อตัวอย่างเป็นกิจลักษณะของเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าเชื่อมระหว่างอเชีย ยุโรป และแอฟริกา เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อราว 138 ปีก่อนคริสตกาลในสมัยราชวงศ์ฮั่น
       

สำหรับสาเหตุที่มัมมี่แอ่งทาริมมีสภาพดีกว่ามัมมี่อียิปต์ก็เนื่องจากบริเวณแถบแอ่งทาริมมีสภาพอากาศแห้งแล้ง และดินเค็ม ประกอบกับเทคนิคเก็บรักษาศพของชาวจีนสมัยนั้น ซึ่งมีการฝังศพในท่ายืนตรง หลักฐานยังระบุด้วยว่า ได้มีการเปิดสุสาน เพื่อนำศพใหม่มาบรรจุเพิ่มอีก จึงทำให้ได้เห็นจุดบกพร่อง และปรับปรุงการเก็บรักษาศพจนมีสภาพสมบูรณ์ให้คนยุคปัจจุบันได้ชมกันเป็นบุญตา