ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เว่ยจงเสียนขันทีจอมโฉด


เว่ยจงเสียนขันทีจอมโฉด
.......ปลายสมัยราชวงศ์หมิงกลุ่มขันทีเริ่มมีอำนาจบาตรใหญ่ เข้าแทรกแซงก้าวก่ายงานราชกิจ และใช้อำนาจของหน่วยงานตรวจสอบภายใน กำจัดผู้ที่เป็นปรปักษ์อย่างโหดเหี้ยม เป็นเหตุให้ราชสำนักหมิงอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว มีขันทีอยู่ผู้หนึ่งที่อาจกล่าวได้ว่า มีอำนาจรองเพียงองค์ฮ่องเต้เท่านั้น และใช้อำนาจสร้างอิทธิพลในราชสำนัก จนบารมีของตนเองยิ่งใหญ่เทียมฟ้า ชื่อของขันทีผู้นั้นมีนามว่า  "เว่ยจงเสียน"

.......เว่ยจงเสียน ( 魏忠賢 ค.ศ. 1568 - 1627 ) เป็นชาวเมืองเหอเจียน อำเภอซู่หนิง ( ปัจจุบันคือ จังหวัดซู่หนิง มณฑลเหอเป่ย ) ในช่วงวัยรุ่นถือตนเป็นนักเลงโต พออายุ 20 กว่าๆก็เป็นหนี้การพนัน สุดท้ายเพื่อหลบหนีการตามล่าของเจ้าหนี้ จึงตัดสินใจตอนตนเองแล้วลอบเข้าวังไปเป็นขันทีในรัชสมัยฮ่องเต้หมิงเสินจง ( 明神宗 ) แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นจิ้นจง

.......เว่ยจงเสียนเห็นว่า องค์ชายจูโหยวเซี่ยว( 朱由校 ) ชอบพึ่งพาอาศัยนางเค่อซื่อ ( 客氏 ) แม่นมของพระองค์ จึงพยายามตีสนิทกับนางเค่อซื่อ หลังจากส่งสายตาให้กันเป็นเวลานาน จึงเกิดความรักต่อกัน จูโหยวเซี่ยวจึงให้นางเค่อซื่อหมั้นกับเว่ยจงเสียน ผูกสัมพันธ์กันเป็น "ตุ้ยสือ"( คู่ผัวเมียที่เป็นขันทีกับนางกำนัล ) ภายหลังฮ่องเต้หมิงกวงจง ( 明光宗 ) ขึ้นครองราชย์ องค์ชายจูโหยวเซี่ยวจึงได้เป็นองค์ชายรัชทายาท เว่ยจงเสียนรับหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเครื่องเสวย ในตำหนักองค์รัชทายาท และเมื่อหมิงกวงจงสิ้นพระชนม์ลง จูโหยวเซี่ยวจึงครองราชย์เป็น ฮ่องเต้หมิงซีจง 
( 明熹宗 ) แล้วชีวิตของเว่ยจงเสียนก็รุ่งเรืองขึ้น เพราะเขาได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ตรวจฎีกาและผู้ร่างฎีกา อันเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจในราชสำนัก รับผิดชอบการตรวจสอบและควบคุมข้อเสนอแนะทางราชการของเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่

.......ฮ่องเต้หมิงซีจง มีงานอดิเรกคือชอบทรงงานไม้ เวลาที่พระองค์หมกมุ่นอยู่กับงานช่างไม้ หากมีขุนนางนำเรื่องมาถวายรายงาน พระองค์ก็จะตรัสเพียงไม่กี่ประโยคแล้วไล่กลับไป เว่ยจงเสียนเห็นเป็นช่องโหว่จึงมักจะถวายรายงานทางราชการในช่วงที่หมิงซีจงทรงงานไม้อยู่เสมอ จนพระองค์ตรัสออกไปด้วยความรำคาญว่า

" เรื่องพวกนี้ท่านกงกงตัดสินใจเองไปเลย ไม่ต้องมารายงานเจิ้นหรอก "

สิ่งที่เว่ยจงเสียนรอคอยก็คือประโยคนี้ เท่ากับว่าจากนี้ไปเขาสามารถควบคุมความเป็นไปในราชสำนักแทนองค์ฮ่องเต้ เขาควบคุมดูแล"ตงฉ่าง" ( 東廠 หน่วยงานตะวันออก ) ที่มีอำนาจควบคุมความเป็นตายของคนทั้งในและนอกราชสำนัก จนมีคำกล่าวว่า

" รู้เพียงแต่ว่ามีขันทีชื่อเว่ยจงเสียน แต่ไม่รู้ว่ามีฮ่องเต้เทียนฉี่ของต้าหมิงอยู่ "

#กวาดล้างคณะตงหลิน
.......ศักราชเทียนฉี่ ปีที่ 4( ค.ศ.1624 ) การที่เว่ยจงเสียนรวบอำนาจทั้งในและนอกราชสำนักแต่เพียงผู้เดียว ทำให้เหล่าขุนนางเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก "คณะตงหลิน" ( 東林書院 ) ลุกฮือขึ้นโจมตีเว่ยจงเสียน และพร้อมใจกันลงชื่อถวายฎีกากล่าวโทษเว่ยจงเสียน ผู้ตรวจราชการแผ่นดินนามว่า "หยางเหลียน" (杨涟) เป็นผู้ถวายฎีกาแถลงข้อเท็จจริงที่เว่ยจงเสียนกระทำผิดจำนวน 24 ข้อ และประณามเขาอย่างเจ็บแสบ แต่เว่ยจงเสียนก็ได้เดินเกมอีกก้าวหนึ่ง โดยใช้แผนร่ำไห้ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ และให้นางเค่อซื่อพูดจาชมเชยถึงความดีของเว่ยจงเสียน ผลคือ ฮ่องเต้หมิงซีจงออกพระราชโองการ "ปลอบใจเว่ยจงเสียน" และตำหนิหยางเหลียนอย่างรุนแรงว่าใส่ร้ายป้ายสีเว่ยจงเสียน และลงโทษเขาด้วยการคุมขัง

.......จากเหตุการณ์คุมขังหยางเหลียน นำมาซึ่งความเคียดแค้นของเหล่าปัญญาชน มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ 70 คนถวายฎีกากล่าวโทษเว่ยจงเสียนอีกครั้ง เว่ยจงเสียนจึงใช้อำนาจของหน่วยงานตงฉ่าง ที่สามารถลงโทษข้าราชการและประชาชนได้ทันทีโดยมิต้องถวายรายงานฮ่องเต้ จับกุมและกวาดล้างเหล่าขุนนางสายคณะตงหลินอย่างโหดเหี้ยม นอกจากนี้ยังมีการจัดทำบัญชีดำ รวบรวมรายชื่อเหล่าขุนนางที่เป็นปรปักษ์กับเว่ยจงเสียน หากใครไม่เข้าร่วมกับเขาก็จะถูกกวาดล้างทันที รวมถึงสั่งปิดสถานการศึกษาที่สนับสนุนโดยคณะตงหลินลงทั้งหมด ในครั้งนั้นมีผู้ถูกจับกุมทั้งสิ้น 700 คน

#ขันทีโฉดครองเมือง
.......เว่ยจงเสียนได้วางเครือข่ายของตนทั้งในตำแหน่งขุนนางราชสำนัก รวมไปถึงขุนนางท้องถิ่น แต่งตั้งคนสนิทของตนดำรงตำแหน่งสำคัญๆทางการเมือง เครือข่ายของเว่ยจงเสียนมีฉายาว่า "เสือ 5 ตัว " " ลูกเสือ 5 ตัว" "สุนัข 5 ตัว" "ลูกทั้ง 10 " และ "หลานทั้ง 40" แฝงตัวทั้งในและนอกราชสำนักตั้งแต่เสนาบดี กระทรวงทั้ง 6 ไปจนถึงข้าหลวงใหญ่และผู้ตรวจราชการมณฑลแทบทุกพื้นที่ อาจกล่าวได้ว่าอำนาจทางการเมืองของต้าหมิงอยู่ใต้อุ้งมือของเว่ยจงเสียน

......เว่ยจงเสียนเข้ามามีอำนาจดูแลด้านการทหาร เหล่าลูกหลานขันทีต่างก็คุกเข่าลงกราบไหว้เขา พยายามประจบสอพลอทุกรูปแบบ ต่างเรียกเว่ยจงเสียนว่า ผู้มีอายุยืน 9,000 ปี หรือไม่ก็เรียกว่า ผู้มีอายุยืน 9,990 ปี ( แตกต่างจากฮ่องเต้เพียง 10 ปีเท่านั้น ) ญาติสนิทคนหนึ่งของเว่ยจงเสียนที่มีศักดิ์เป็นน้องนามว่า เว่ยกว่างเวย ก็เรียกเว่ยจงเสียนว่าลุง พานหรูเจินผู้ตรวจการมณฑลเจ้อเจียง ผู้ที่มี "ความคิดสร้างสรรค์" ได้สร้างศาลเจ้าไว้ให้เว่ยจงเสียนที่ริมทะเลสาบซีหู ขุนนางที่ไร้ยางอายในเกือบทุกพื้นที่ต่างก็ปฎิบัติตามๆกัน พื้นที่ไหนอยากจะสร้างศาลให้ใหญ่โต ก็ทำการขูดรีดภาษีประชาชน ทำให้ราษฎรเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า

.......บรรดาญาติพี่น้องของเว่ยจงเสียนต่างก็ดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับสูง แม้แต่เด็กทารกที่ยังพูดไม่ได้ยังได้รับตำแหน่ง "ขุนนางระดับ 2" หรือ เส้าซื่อ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง
#จุดจบของเว่ยจงเสียน

.......มีคำกล่าวว่า "ฝันดีมักไม่ยืนยาว" ศักราชเทียนฉี่ ปีที่ 7 ( ค.ศ. 1627 ) ฮ่องเต้หมิงซีจงสิ้นพระชนม์ พระอนุชา จูโหยวเจียน (朱由檢 ) ขึ้นครองราชย์เป็น ฮ่องเต้หมิงซือจง( 明思宗 ) ตั้งชื่อศักราชว่า ฉงเจิน ( 崇禎 ) สิ่งแรกที่ทรงกระทำก็คือการกำจัดขันทีเว่ยจงเสียนด้วยการปลดออกจากราชการ จนเว่ยจงเสียนต้องถูกเนรเทศไปอยูที่เมืองเฟิ่งหยาง ในภายหลังยังมีการประกาศความผิดของเว่ยจงเสียนโดยระบุว่า เป็นผู้ไม่จงรักภักดีต่อบ้านเมือง ผิดต่อพระกรุณาธิคุณของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เล่นพรรคเล่นพวก อ้างราชโองการป้ายสีขุนนางสุจริต ในขณะนั้นเว่ยจงเสียนเมื่อทราบข่าวก็รู้ชะตากรรมของตนเองดี เว่ยจงเสียนจึงถูกจับกุมอีกครั้ง ขณะที่เดินทางไปถึงเมืองฟู่เฉิง (ปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอเป่ย) เว่ยจงเสียนจึงชิงฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ ฮ่องเต้หมิงซือจง ได้สั่งให้แยกศพออกแล้วแขวนศีรษะประจานที่เมืองเหอเจียนบ้านเกิดของเว่ยจงเสียน ส่วนนางเค่อซื่อได้รับโทษเฆี่ยนจนตายในเดือนเดียวกัน ส่วนพรรคพวกก็ถูกกวาดล้างลงโทษไปตามๆกัน

.......แม้ว่าระยะเวลาที่เว่ยจงเสียนกุมอำนาจจะไม่นานนัก แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับการเมือง การปกครองของต้าหมิงอย่างมาก และแม้ว่าฮ่องเต้หมิงซือจง      จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่ขันทีรวบอำนาจไว้ในมือได้ แต่ก็ไม่สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ความพ่ายแพ้และการล่มสลายของต้าหมิงไว้ได้ ราชวงศ์หมิงในยุคนี้จึงอาจเรียกได้ว่า "ตะวันยามสายัณห์ที่งดงาม แต่ใกล้ร่วงลงสู่ดิน"
อ้างอิงจาก: ประวัติศาสตร์จีนฉบับย่อ โดยหลี่เฉวียน / wikipedia

รายการบล็อกของฉัน