ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

โลกของวัยรุ่นหญิงไร้บ้านที่อุโมงค์ใต้ดินโรมาเนีย



โลกของวัยรุ่นหญิงไร้บ้านที่อุโมงค์ใต้ดินโรมาเนียCatalina: One Girl’s Tunnel Life Under the Streets of BucharestMassimo Branca 
ช่างภาพ/นักมานุษยวิทยา เจอ Catalina ครั้งแรกในปี 2013 ตอนเธออายุ 17 ปี

“ ดวงตาโตสีดำดูเหมือนมีความลึกลับแฝงเร้นยิ่งเวลาผมจัองมองเธอเป็นเวลานาน ๆทำให้ผมอยากเข้าใจชีวิตของเธอมากขึ้นว่าเธอใช้ชีวิตช่วงที่ผ่านมาอย่างไร ”

Catalina วัย 17 ปี ใน Romania เธอถูกทอดทิ้งตอนแรกเกิดทำให้เธอเติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และเริ่มเร่ร่อนบนท้องถนนใน Bucharest 
กับอยู่ในอุโมงค์ตอนวัย 12 ปีCatalina ถูกทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตอนแรกเกิดและเติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งได้ 6 ขวบจึงได้กลับไปอยู่กับครอบครัวแต่ตอนเธอวัย 12 ขวบเธอก็หนีออกจากบ้านออกมาก็เร่ร่อนไปตามท้องถนนและเริ่มฉีดยาเสพติดเข้าทางหลอดเลือดดำCatalina อยู่กับพวกคนไร้บ้านแถวละแวกชุมทางรถไฟ 
Gara de Nordและในอุโมงค์ข้างใต้ถนนใน Bucharest ใน Romania

Branca ได้เริ่มถ่ายภาพชีวิตของ Catalinaเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Under the Surfaceสารคดีเกี่ยวกับคนที่อยู่ในอุโมงค์ใต้เมือง Bucharestภายในอุโมงค์ที่อากาศร้อน ชื้น และคับแคบอุโมงค์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานเผด็จการโรมาเนีย Nicolae Ceausescuที่วางผังให้เป็นทางเดินท่อจ่ายความร้อนใจกลางเมือง
(ในฤดูหนาว)ทุกวันนี้ กลายเป็นที่พักของคนหลายวัยตั้งแต่เด็กเร่ร่อนและผู้ใหญ่ที่ไร้บ้านที่มุดเข้ามาอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินแห่งนี้ในช่วงฤดูหนาว มีมากกว่า 40 คนที่หนีอากาศหนาวเย็นมาแออัดยัดเยียดอยู่ในอุโมงค์แห่งนี้  

ภายในพื้นที่ไม่กี่ตารางเมตรBranca กับเพื่อนร่วมงาน Igor Marchesanได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในอุโมงค์
เดือนกรกฏาคม 2013จาก Bruce Lee ผู้นำโดยพฤตินัย/อย่างไม่เป็นทางการมีอาชีพหลักคือค้ายาเสพติดกับนายหน้าจัดหามือปืนเป็นผู้รู้เรื่องตื้นลึกหนาบางและการใช้ชีวิตของคนในอุโมงค์ทั้งหมดรวมทั้งการเลี้ยงอาหารการกินและให้ไฟฟ้าใช้ในอุโมงค์Branca ต้องโน้มน้าว Lee ให้ยอมรับ/อนุญาตให้เขาเข้ามาสังเกตการณ์ครั้งนี้ภายในอุโมงค์และเขาสัญญาว่าจะทำอย่างจริง ๆ จัง ๆ ไม่ทำแบบลวก ๆเพราะต้องการศึกษาความสัมพันธุ์ของกลุ่มคนในมุมมองของนักมานุษยวิทยาในรูปแบบวิทยาศาสตร์สังคม/สังคมวิทยา

“ ผมต้องการให้ผู้คนได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคนเร่ร่อนและอยากให้ทำใจกว้างกับยอมรับคนพวกนี้ในตอนที่พบกับคนพวกนี้โดยบังเอิญหรือพบเจอคนไร้บ้านได้ที่ทุกหนทุกแห่งผมต้องการให้ผู้ชมผู้ฟังเรื่องนี้ไม่ต้องจินตนาการถึงชีวิตใต้ดินว่าเป็นเช่นใดไม่ใช่มองพวกเขาด้วยสายตาที่เวทนาตัดสินพวกเขาไปล่วงหน้า หรือมองพวกเขาด้วยความหวาดกลัว ”

ความเซ็งเป็นเรื่องปกติในการใช้ชีวิตในอุโมงค์มีกิจกรรมข้างในน้อยมากที่ไม่มียาเสพติดมาเกี่ยวข้องแม้ว่าเธอจะฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำตั้งแต่อายุ 13 ปีแต่ Catalina ก็ยังชอบจดบันทึกและเขียน

กองจานชามภายในอุโมงค์ใต้ดินที่ล้างจานชามและภาพพิมพ์โหลงานของ Leonardo da Vinciชื่อ The Last Supper ที่แขวนอยู่ภายในอุโมงค์

คนที่พักอาศัยในอุโมงค์จะใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าในการจ่ายกระแสไฟฟ้าสำหรับ แสงสว่าง พัดลมเครื่องเสียงสเตอริโอ ตู้เย็น และทีวี

ตามความเห็นส่วนตัวของ Brancaคนที่อยู่ภายในอุโมงค์นี้ หลายคนต้องทนทุกข์ทรมานจากวัณโรค ตับอักเสบ HIV หรือเสี้ยนยาเสพติด เช่น Heroin  Mephedrone และ Aurolac สีเงินที่พวกเขาชอบสูดดมจากถุงพลาสติค

พวกเขาส่วนมากจบชีวิตลงในอุโมงค์แห่งนี้เพราะบางคนมีชีวิตที่ล้มเหลวบางคนครอบครัวล่มสลายบางคนเป็นเด็กกำพร้ามาก่อนบางคนถูกขับไล่ออกจากบ้านหลังเป็น HIV 
บางคนหนีความยากจนมาหางานทำในเมืองบางคนเคยถูกทารุณกรรมมาก่อน

Catalina กับ Bruce Lee (คนกลาง) ถ่ายภาพพร้อมเทียนไข  ตอนช่วงไฟดับก่อนที่ Bruce Lee ผู้นำโดยพฤตินัย/ไม่เป็นทางการจะมาอยู่ในที่นี่คนในอุโมงค์ต้องใช้แสงสว่างจากเทียนไขเพียงอย่างเดียว

Branca บอกว่าสภาพแวดล้อมทั่วไปที่ให้เห็นอาจจะทำให้คนที่เห็นภาพเหล่านี้ตกอกตกใจได้แต่เขาต้องการให้คนที่เห็นภาพเหล่านี้ช่วยเห็นอกเห็นใจและเข้าใจคนไร้บ้านเหล่านี้ให้เข้าใจถึงสาเหตุที่พวกเขาต้องมาอยู่ที่นี่เหมือนกับ Catalina ที่น่าเวทนาต้องการความเห็นอกเห็นใจ และโหยหาความรัก

“ ผมคิดว่าภาพเหล่านี้ที่สร้างความตกอกตกใจให้กับผู้ชมทำให้รู้สึกแปลกแยกทำตัวออกห่างจากคนพวกนี้แต่วัตถุประสงค์ของผมนั้นกลับคิดในทางตรงกันข้าม

ผมต้องการให้ผู้คนมีความเข้าอกเข้าใจว่า พวกเขาอาจจะอยู่ในสถานะการณ์แบบนี้ได้และอยากให้คนที่เห็นภาพของผมได้เปลี่ยนทัศนคติมุมมองด้านต่าง ๆ กับประเด็นปัญหาพวกนี้ ”Branca เล่าว่า Catalina ยิ้มแบบระมัดระวังและเอียงอายเล็กน้อยเพราะ 2-3 ปีก่อนเธอเพิ่งจะสูญเสียฟันหน้าของเธอไป

มีช่วงหนึ่งที่ Catalina พยายามจะเลิกยาเสพติดในช่วงนั้นเธอเอาแต่กินเอาแต่นอนเกือบทั้งวันเพื่อพยายามพักฟื้นให้หายจากอาการเสี้ยนยา

แม้ว่าการทำหน้าที่นักมานุษยวิทยาที่ตามหลักการวิทยาศาสตร์สังคมต้องคอยสังเกตเพียงอย่างเดียวห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทำให้ตัวบุคคลที่ศึกษามีพฤติกรรมการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดผิดจากวิสัยปกติที่เคยทำมาแต่ Branca ยอมรับว่าเขาก็พยายามจะช่วยเหลือ Catalina เช่นกันแม้ว่าจะคอยจดบันทึกเกี่ยวกับชีวิตและเรื่องราวของเธอก็ตามแต่

มกราคม 2014 ระหว่างที่เธอเดินฝ่ากลุ่มควันของเครื่องปั่นไฟฟ้าขาของเธอข้างหนึ่งถูกท่อไอเสียลวกจนบาดเจ็บอย่างมากBranca พาเธอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

แล้วต่อมาพาเธอไปอยู่บ้านพักพึ่งพิงคนยากไร้ในที่นี้เธออยู่ได้โดยไม่ต้องเสพยาเป็นเวลาหลายสัปดาห์และสาบานกับเขาว่าเธอจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

ก่อนที่จะขอร้องให้เขาช่วยพาเธอกลับไปที่อุโมงค์อีกครั้งหลังจากนั้นไม่นานนัก  เธอก็กลับไปใช้ยาเสพติดอีกครั้ง

“ ผมเป็นมนุษย์  ผมพยายามจะคิดหาหนทางช่วยเหลือเธอเพราะผมรู้สึกใกล้ชิดกับเธอมากเธอเปรียบเสมือนน้องสาวหรือลูกสาวของผมผมรู้ดีว่า  เธอมีสุขภาพไม่ค่อยดีเพราะคนส่วนมากที่อยู่ในอุโมงค์ต่างต้องอาศัยอยู่ในสภาพที่เลวร้ายอย่างมากแต่เธอรู้สึกว่ามีอิสระมากกว่าในที่นั้นและผมไม่เคยคาดคิดว่าเธอกำลังจะตาย ”

การที่เธอเลิกเสพยาหลายสัปดาห์ก่อนCatalina ไม่สามารถกลับไปใช้ยาได้อีกต่อไปแล้วเธอเขียนว่า " มันสายไปเสียแล้ว ฉันคือผู้ติดยาและ(ชีวิต) ไม่เหลืออะไรเลย "

วันที่ 28 พฤษภาคม 2014 หนึ่งเดือนหลังจากที่เธอมีอายุครบ 18 ปีCatalina ตาย เจ้าหน้าที่รัฐระบุในใบมรณะบัตรว่าตายเพราะหัวใจล้มเหลวแต่สาเหตุการตายอย่างไม่เป็นทางการคือ เธอตายเพราะ AIDS

ติดเชื้อในกระแสเลือดที่สมองจากการฉีดยาเสพติดBranca อยู่ที่อิตาลีในตอนนั้น แต่เมื่อเขาทราบข่าวนี้ เขารีบไปโรมาเนียทันทีเพื่อไปร่วมงานศพของเธอและช่วยเหลือค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ให้กับครอบครัวของเธอ

Catalina ตายวันที่ 28 พฤษภาคม 20141 เดือนหลังจากที่เธอมีอายุครบ 18 ปี เพื่อนชายของเธอ Santo (ด้านขวา) เป็น HIV ขอร้องว่าให้ฝังศพเคียงข้างเธอในวันหลังด้วย

เธอสั่งเสียก่อนตายว่าขอตายในอุโมงค์Bruce Lee มอบชุดแต่งงานให้กับเธอผู้ไม่มีโอกาสได้ใช้ในชีวิตนี้แล้ว

“ หลายคนอาจพูดว่าคนพวกนี้ควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ถ้าพวกเขาหางานทำ  ทำงานที่มั่นคงแต่หลายคนไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากหลายเดือนหลายปีที่ผ่านไปการที่พวกเขาอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดพวกเขาต่างคิดเหมือนกันว่าพวกเขาต่างเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน "
Massimo Branca สรุป

รายการบล็อกของฉัน