ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สตรีหลงยุคกับรถที่หายไป


สตรีหลงยุคกับรถที่หายไป
     
เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในนิตยสาร Strange ในปี 1988 แต่เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในปี 1969 ค่ะ สองหนุ่มที่เดินทางมาติดต่องานในเมืองแอบบีวิลล์ รัฐหลุยเซียน่ากำลังขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 167 เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองลาฟาเย็ตต์ ทั้งคู่พูดคุยเรื่องงานและเรื่องต่างๆ ไปเรื่อยๆ จนมาเจอรถคันหน้าที่ขับช้ามากกกกกกกคันนึง ตอนนั้นถนนโล่งมาก ไม่มีรถสวนมาด้วย แต่กลับมีรถเก่าคันนึงขับช้าๆ อยู่กลางถนน รถคันนั้นเป็นรุ่นที่ออกมาสิบกว่าปีแล้วแต่อยู่ในสภาพสวยกิ๊งเหมือนเพิ่งออกจากโชว์รูมไม่กี่วัน สองหนุ่มจึงตัดสินใจว่าก่อนจะแซงก็ขอชะลอดูความงามของรถก่อนละกัน เพราะไม่เคยเห็นรถเก่าที่สภาพสวยแบบนี้มาก่อน
     
เมื่อขับเข้าไปใกล้จนเกือบตีคู่ หนึ่งหนุ่มก็สังเกตว่าป้ายทะเบียนรถมีเลขปี 1940 ติดไว้ ทั้งคู่ก็คุยกันว่าแบบนี้ไม่ผิดกฎหมายหรอเพราะเหมือนไม่ได้ต่อทะเบียนมาเกือบ 30 ปีแล้ว และเมื่อขับไปเพื่อดูหน้าคนขับ ก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าเหมือนยุคปี 1940 กำลังขับรถอยู่ โดยเธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นอกจากนี้ก็มีเด็กอีกคนในรถที่แต่งตัวเหมือนยุค 1940 เช่นกัน ทั้งสองหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามตะโกนถามว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการให้ช่วยเหลืออะไรมั้ย แต่กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องก็พักหนึ่ง ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็พยักหน้ารับความช่วยเหลือ
     
ชายหนุ่มที่นั่งข้างคนขับจึงส่งสัญญาณให้ผู้หญิงคนนั้นจอดข้างทางเพื่อที่พวกเขาจะได้ลงไปคุยและให้ความช่วยเหลือได้ เมื่อผู้หญิงคนนั้นเข้าข้างทาง สองหนุ่มก็ขับมาจอดด้านหน้าและเปิดประตูลงจากรถเพื่อจะไปให้ความช่วยเหลือ แต่เมื่อพวกเขาหันไปก็พบกับความว่างเปล่า รถทะเบียนปี 1940 หายไปแบบไร้ร่องรอยทั้งที่ตรงนั้นเป็นทางหลวงว่างเปล่าที่ไม่มีทางออกข้างนอกไปไหนเลย ไม่นานนักก็มีรถอีกคันขับตามมาจอดหลังรถของสองหนุ่ม ผู้ชายที่ขับรถคันนั้นรีบวิ่งมาถามสองหนุ่มว่าพวกเขาทำอะไรกับรถคันหลัง
     
ชายคนนั้นเล่าว่าเขาขับตามหลังห่างๆ มาระยะหนึ่งแล้ว เขาเห็นรถรุ่นใหม่คันหนึ่งอยู่ๆ ก็ไปขับตีคู่กับรถโบราณที่ขับช้ามากๆ จากนั้นรถทั้ง 2 คันก็เริ่มเอียงเข้าข้างทางเพื่อจอด แล้วทันใดนั้นรถโบราณก็หายแว้บไปในพริบตา เหลือเพียงรถรุ่นใหม่ของสองหนุ่มที่จอดอยู่ข้างทาง ในทีแรกเขารีบจอดเพื่อมาตรวจสอบดูว่ามีอุบัติเหตุหรือมีเรื่องอะไรกันรึเปล่า แต่เมื่อมองไปรอบๆ แล้วก็ไม่เห็นอะไรเลย เหมือนรถโบราณหายไปเฉยๆ ซะอย่างนั้น ชายทั้ง 3 เดินตรวจสอบแถวนั้นเกือบชั่วโมงและคุยกันว่าจะแจ้งความดีมั้ย แต่ถึงยังไงก็ไม่มีอะไรจะบอกตำรวจ ดีไม่ดีจะถูกมองว่าบ้าอีก จึงตกลงกันว่าจะไม่แจ้งความ แต่ทั้ง 3 ก็แลกที่อยู่และเบอร์โทรกันและติดต่อกันอีกหลายปีเพื่อพูดถึงเหตุการณ์นี้

รายการบล็อกของฉัน