ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ฝันร้ายที่บอโรดิโน่


◕ฝันร้ายที่บอโรดิโน่
เรื่องราวของความฝันอันร้ายแรง ซึ่งกลายเป็นความจริงอย่างเหลือเชื่อ รายที่จะเอ่ยถึงนี้เกิดขึ้นที่รัสเซียในสงครามระหว่างพระเจ้านโปเลียนกับรัสเซียในปี ค.ศ. 1812 นายทหารรัสเซียที่เข้าประจำการรบมีมากมายไม่ว่าจะเป็นคนสูงศักดิ์หรือสามัญชน ในจำนวนนี้มี "เคาน์ท ทุตซ์ค้อฟฟ์" ร่วมอยู่ด้วยคนหนึ่งซึ่งต้องออกรบในแนวหน้า การรบเพิ่งเริ่มต้น เคาน์เตสส์ ทุตซ์ค้อฟฟ์ ผู้อยู่ในกรุงมอสโกก็เกิดฝันในคืนหนึ่ง

ในความฝันนั้น ตัวเธอมิได้อยู่ในคฤหาสน์หรูหราแห่งเมืองหลวงแต่ไปอยู่ในห้องแคบเล็กของโรงเตี๊ยมเก่า ๆ แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้ โรงเตี๊ยมแห่งนั้นตั้งอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน รู้แต่ว่าหน้าตามันซอมซ่อเต็มที ระหว่างที่กำลังว้าวุ่นอยู่นั่นเองบิดาของเคาน์เตสส์ก็เปิดประตูห้องเข้ามาด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกมืออุ้มบุตรชายน้อยของเธอมาด้วย สีหน้าของชายชราทั้งเศร้าหมองโศกสลดและร้าวราน เสียงที่พูดก็สั่นพร่า

"ลูกเอ๋ย ต่อไปนี้เจ้าจะไม่มีความสุขในชีวิตอีกต่อไปแล้ว.." เป็นคำพูดที่เคาน์เตสส์จำได้แม่นยำรวมกับไม่ใช่ความฝัน "สามีของลูกถูกทหารฝรั่งเศสฆ่า..เขาตายแล้วที่บอโรดิโน่" เคาน์เตสส์ ทุตช์ค้อฟฟ์รู้สึกหัวใจกระตุกวูบ..และอาการนี้เองทำให้เธอตกใจตื่นขึ้นมา เพื่อที่จะตระหนักว่ามันเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้นเอง ตัวเธอยังนอนอยู่ในห้องหรูหราของคฤหาสน์ใหญ่กลางเมือง ลูกชายหลับอยู่ในห้องของเขา ส่วนบิดานั้นมิได้อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน

ครั้นถึงเวลาเช้า เคาน์เตสส์รีบไปหาบิดาเพื่อบอกเล่าความฝันให้ฟัง สุภาษบุรุษสูงวัยหัวเราะแล้วปลอบโยนว่า "จะเชื่ออะไรกับความฝัน เคาน์ททุตช์ค้อฟฟ์เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ คงไม่ถูกฆ่าตายง่าย ๆ เหมือนพลทหารหรอกน่ะ.." เมื่อได้ฟังดังนั้น เคาน์เตสส์ค่อยคลายใจ จึงกลับไปคฤหาสน์พร้อมกับคอยสดับฟังข่าวจากแนวหน้าชนิดใจจดใจจ่อ ไม่กี่คืนต่อมาเธอก็ฝันอีก เป็นความฝันเหมือนครั้งแรกไม่ผิดเพี้ยน เริ่มต้นจากห้องแคบในโรงเตี๊ยมเก่า บิดาอุ้มหลานชายเปิดประตูเข้ามาบอกด้วยสีหน้าเศร้าหมอง "สามีของลูกตายแล้ว..ถูกฆ่าที่บอโรดิโน่"

เคาน์เตสส์เรียกหาแผนที่มากางและตรวจสอบกับบิดาพร้อมทั้งเครือญาติหลายคน ค้นหาเพียงใดก็ไม่พบชื่อ "บอโรดิโน่ (Borodino)" ว่าอยู่ตรงไหนของแผนที่เลย บิดาของเธอจึงว่า "เห็นไหม ลูกจะไปเชื่ออะไรกับความฝัน แม้กระทั่งชื่อบอโรดิโน่เจ้าก็เอามาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่มีอยู่จริงสักหน่อย" เคาน์เตสส์สบายใจไปอีกครั้ง เพื่อที่จะฝันอีกเป็นครั้งที่สาม "สามีเจ้าตายแล้ว..ถูกทหารฝรั่งเศสฆ่าที่บอโรดิโน่!"

การรบทวีความรุนแรงขึ้นทุกที จนกระทั่งเดือนกันยายน ปี 1812 กองทัพรัสเซียยกกำลังไปยันทัพฝรั่งเศสที่ชานเมืองมอสโก เคาน์เตสสืผู้ไม่เป็นอันกินอันนอนเพราะห่วงสามีซึ่รบอยู่ด้านนี้ก็พาบุตรชายไปเช่าโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ อยู่ใกล้แนวหน้า บิดาของเธอก็ตามไปให้กำลังใจด้วย แต่ให้กำลังใจอย่างไรก็ไม่เป็นผล เพราะฝ่ายทัพรัสเซียเพลี่ยงพล้ำลงทุกที ถูกทหารฝรั่งเศสโจมตีอย่างรุนแรงถอยร่นไม่เป็นกระบวนไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งเล็กจนไม่มีชื่อในแผนที่ อยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปเพียง 30 ไมล์ และมีชื่อว่าหมู่บ้าน "บอโรดิโน่"
เช้าวันที่ 7 กันยายน 1812 บิดาของเคาน์เตสส์เปิดประตูห้องพักในโรงเตี๊ยมเข้าไปหาเธอ มือหนึ่งอุ้มหลานชายตัวน้อยใบหน้าของชายชราเศร้ามองและร้าวราน และพูดเสียงสั่นพร่า "ลูกเอ๋ย ต่อไปนี้เจ้าจะไม่มีความสุขในชีวิตอีกต่อไปแล้ว.สามีของลูกถูกทหารฝรั่งเศสฆ่า..เขาตายแล้วที่บอโรดิโน่!"..

สงครามระหว่างฝรั่งเศสและรัสเซียในครั้งนั้นนับเป็นสงครามโชกเลือดที่นำมาซึ่งความสูญเสียอย่างสาหัสด้วยกันทั้งสองฝ่าย คือฝ่ายฝรั่งเศสมีทหารเสียชีวิตไป 30,000 คน ส่วนรัสเซียเสียทหาร 45,000 คน หนึ่งในนั้นรวมไปถึงท่านเคาน์ททุตช์ค้อฟฟ์ด้วย!....(จบ)..✎
             °.•°•.★* *★ .•°•.°°.•°•.★* *★ .•°•.°°.•°•.★* *★ .•°•.°°.•°•

รายการบล็อกของฉัน