ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

ย้อนอดิต ชะตากรรมเชื้อพระวงศ์หลังกรุงแตก


ชะตากรรมเชื้อพระวงศ์หลังกรุงแตก
หลังกรุงแตก พระราชวงศ์กรุงศรีอยุธยาที่ตกค้างอยู่ในพระราชวังหลวงจำนวนหนึ่งถูกพม่ากวาดต้อนไปรวมกันไว้ที่ค่ายโพธิ์สามต้นฐานทัพใหญ่ของกองทัพพม่า รายงานในเอกสารพม่าแจ้งจำนวนพระราชวงศ์กรุงศรีอยุธยาไว้ประมาณ ๖๓ พระองค์ ที่เป็นระดับพระมเหสี พระราชโอรส พระราชธิดา พระราชนัดดา นอกจากนี้ยังมี พระสนม เจ้านายชั้นรองลงมาอีกกว่า ๒,๐๐๐ พระองค์

“พระสนมที่เปนเชื้อพระวงษ์พระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา รวม ๘๖๙ องค์ พระราชวงษานุวงษ์ชายหญิงของพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยารวมทั้งสิ้น ๒๐๐๐ เศษ”

หากจำนวนที่กล่าวนี้เป็นจริง ก็นับได้ว่าเจ้านายพระราชวงศ์กรุงศรีอยุธยาน่าจะแทบสิ้นพระราชวงศ์เลยทีเดียว ซึ่งตัวเลขนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ เพราะการบันทึกครั้งนั้น ทำไว้ค่อนข้างละเอียด มีการกล่าวถึงพระนามของเจ้านายชั้นสูงไว้ถึง ๖๓ พระองค์ และเมื่อเทียบกับจำนวนเชลยสงครามทั้งหมดที่กองทัพพม่ากวาดต้อนไปได้ครั้งนั้นมากถึง ๑๐๐,๐๐๐ กว่าคน
ในขณะที่เอกสารฝ่ายไทย กล่าวถึงจำนวนเชลยสงครามที่ถูกกองทัพพม่ากวาดต้อนไปครั้งนั้นราว ๓๐,๐๐๐ คน และกล่าวถึงจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งจากการสู้รบ ป่วยไข้ อดอาหาร มีจำนวนสูงถึง ๒๐๐,๐๐๐ คน

เหตุที่ว่ากองทัพพม่าค่อนข้างละเอียดในการจดบันทึกจำนวนพระราชวงศ์กรุงศรีอยุธยานั้น ดูเหมือนว่าพระราชวงศ์เป็น “ของมีค่า” ที่น่าจะหมายถึงการปูนบำเหน็จรางวัลอย่างสูงแก่ผู้จับได้ ดังนั้น จึงมีความพยายามของแม่ทัพนายกองของพม่าที่จะ “เม้ม” ไว้เสียเอง จนเนเมียวสีหบดีแม่ทัพใหญ่ต้องออกมาประกาศให้คืนแก่ตนทั้งหมด

“ฝ่ายเนเมียวสีหบดีแม่ทัพใหญ่ จึงใช้ทหารไปประกาศแก่นายทัพทั้งปวงว่าตัวเรากระทำการตีกรุงศรีอยุธยาได้สำเร็จเพราะปัญญาและฝีมือเรา ซึ่งนายทัพทั้งหลายจะมาคอยชุบมือเอาส่วน กวาดเอาพระราชวงศ์กษัตริย์ไทยไปไว้ทุกค่ายทัพเป็นบำเหน็จมือของตัวนั้นไม่ชอบ ให้เร่งส่งมาให้เราทั้งสิ้น ถ้ามิส่งมาเราจะยกไปตีเอาขัตติยราชวงศ์ทั้งปวงมาให้จงได้”
บรรดาพระราชวงศ์กรุงศรีอยุธยาที่ถูกจับไปนั้น ก็ไม่น่าจะตกระกำลำบากมากนัก เพราะเหตุว่าทุกพระองค์ “ถึงมือ” พระเจ้ากรุงอังวะทั้งสิ้น

“แลพระราชวงษ์แลพระมเหษีแลพระสนมทั้งปวงกับเครื่องภาชนใช้สอยเงินทองทั้งปวงถวายแด่พระเจ้ากรุงอังวะสิ้น”

แต่ถ้าการกวาดต้อนเป็นแบบ “เก็บละเอียด” เช่นนี้ แล้วเหตุใดในพระราชพงศาวดารตอนต่อมาจึงปรากฏว่ามีพระราชวงศ์หลงเหลืออยู่ติดค่ายโพธิ์สามต้นอีกหลายพระองค์?
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ยังมีเจ้านายบางพระองค์หนีรอดไปได้ และบางส่วนเนเมียวสีหบดีคงไม่อยากเอาติดกองทัพไปด้วย อาจเพราะมีพระอาการประชวร หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง

“แล้วเนเมียวสีหบดีให้กองทัพทางเหนือทั้งปวง คุมเอาสมเด็จพระอนุชาธิราชซึ่งทรงผนวชกับพระราชวงศานุวงศ์ทั้งนั้นไปทางเหนือ ยังเหลืออยู่บ้างแต่ที่ประชวร จึงมอบไว้ให้แก่พระนายกอง ที่เล็ดรอดหนีไปได้นั้นก็มีบ้าง”

นี่จึงเป็นที่มาที่ไปว่าเหตุใดจึงมีเจ้าหญิงอยุธยามารับราชการในราชสำนักกรุงธนบุรี

เศียรพระพุทธรูปที่จมอยู่ในโคนต้นไทร สะท้อนการล่มสลายอันขมขื่นของกรุงศรีอยุธยาในปี 2310 
(ภาพจากเว็บไซต์   องค์การยูเนสโก ที่ขึ้นทะเบียนกรุงศรีอยุธยาฯ  เป็นมรดกโลก)
เครดิต จาก บทความเรื่อง “ท้องกับเจ๊ก” : คัดบางส่วนจาก การเมืองฝ่ายในของราชสำนักกรุงธนบุรี ในศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 36 ฉบับที่ 11 กันยายน 2558)

รายการบล็อกของฉัน