ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

การล่องหนและWarp ทฤษฎีแปลกๆ


ทฤษฎีแปลก การล่องหนและWarp
นักวิทยาศาสตรสมัยก่อนพากันทดลองเรื่อง”มนุษย์ล่องหน” กันมากมาย บางคนก็ทดลองกันแบบลับๆเก็บเงียบและไม่ยอมเปิดผย นับตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้เรื่องนี้มันก็ยังคงเป็นปริศนาให้นักวิทยาศาสตร์แต่ละยุคแต่ละสมัยได้ทดลอง ค้นคว้าหาคำตอบไม่รู้จบ
เรื่องราวมนุษย์ล่องหนในนิยายวิทยาศาสตร์ เริ่มต้นที่เรื่อง in visible man ของ เอช.จี.เวลล์  เป็นเรื่องของมนุษย์คนนึงที่กินสารเคมีเข้าไป พร้อมกับโดนอาบรังสีทำให้เซลล์ของร่างกายเปลี่ยนแปลงไป คนอื่นมองไม่เห็นตัว ผลสุดท้ายก็กลายเป็นมนษย์ล่องหนได้จริงๆ

เมื่อมองทฤษฏีความเป็นจริงว่า โดยความจริงแล้ว การเป็นมนุษย์ ล่องหน นั้นมีสิทธิ์ เป็นไปได้จริงหรือไม่ ต้องขอตอบว่า เป็นไปได้จริง เนื่องจากตามทฤษฏีฟิสิกส์ยุคใหม่ของ อัลเบิร์ด ไอน์สไตน์นั้น ทำให้ความเป็นไปได้ในการทำให้มนุษย์ล่องหนเพิ่มสูงขึ้น การค้นพบอนุภาคอิเลคตรอนและโปรตรอนภายในอตอมก็เป็นหลักฐานอย่างนึงว่า ภายในอะตอมเต็มไปด้วยช่องว่างอันว่างเปล่า ถ้าเราแยกขยายช่องว่างเหล่านั้นออก ให้ถ่างออกจากกันมากๆ ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็จะทำให้สสารนั้นสลายหายไปอย่างแน่นอน
ตามที่ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า “สสารพลังงาน ไม่มีวันสูญหายเพียงแต่สามารถเปลี่ยนสภาพไปอยู่ในรูปอื่นได้”

ตรงนี้แหละที่ทำให้ข้อสันนิษฐานในการทำให้เกิดมนุษย์ล่องหนหนักแน่นขึ้น  เพราะมนุษย์ล่องหนจริงๆแล้วก็คือมนุษย์ที่มองไม่เห็นตัว จะต้องเป็นคนโปร่งแสง คือผ่านไปได้ โดยไม่ดูดกลืนหรือสะท้อนแสงใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว ก็จะทำให้กลายเป็นมนุษย์ล่องหนทันที
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเรื่องราวของ “ควอนตัมฟิสิกส์”

การทดลองของนักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการล่องหน ทำเพื่อพิสูจน์ความสามารถของมนุษย์เป็นอันดับแรก  เนื่องจากถือว่าเป็นเรื่องราวของการล่องหน เป็นเรื่องเหนือมนุษย์ ถ้าใครสามารถค้นคว้าได้จริงเป็นคนแรกก็นับว่าเป็นอันหนึ่ง จะต้องได้รับชื่อเสียงอย่างแน่นอน
โดยในสภพความเป็นจริงแล้ว การล่องหนมีสองสภาพใหญ่ๆ คือ การล่องหนเพียงแค่ทำให้ร่างกายหายไปเท่านั้น คือยังยืนอยู่ที่เดิมแต่ไม่เห็นตัว อีกวิธีการนึงคือ ทำให้ร่างกายหรือสสารเกิดการย้ายสภาพจากอีกแหล่งนึงไปอีกแหล่งนึง  วิธีการนั้นใช้ลาสั้นก็หมายความว่า ไม่เห็นร่างกายหรือสสารนั้นเช่นเดียวกัน

วิธีแรก คือ ร่างกายหายไปโดยที่ยังอยู่ตำแหน่งเดิมนั้น ก็จะต้องทำให้ร่างกายโปร่งต่อแสง คือไม่มีการสะท้อนแสงออกไปกระทบตาของมนุษย์คนอื่น หมายความว่า ร่างกายมนุษย์ล่องหนจะต้องดูดกลืนแสงได้หมด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็หมายความว่า มนุษย์ล่องหนจะต้องสามารถเก็บความร้อนและแสงสว่างที่มีความเข้มสูงๆ ได้ดี
ซึ่งในสภาพความเป็นจริงก็ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้  กรณีนี้จึงต้องพยายามค้นหาวิธีที่ทำให้วัตถุที่ต้องการล่องหน หรือทำให้มนุษย์ล่องหนได้นั้น ทนต่อความร้อนหรือแสงแดด ที่มีความเข้มข้นสูงๆได้ดี 


วิธีที่สอง คือ เป็นการทำให้ร่างกายหายจากตำแหน่งนึงไปอีกตำแหน่งนึง ในระยะเวลาอันสั้นและรวดเร็ว
ถ้าถามความเป็นไปได้แล้ว กรณีที่สองนี้มีความเป็นไปได้สูงกว่า เพราะเป็นการเคลื่อนย้ายอะตอมทั้งกลุ่มก้อน จากตำแหน่งนึงไปยังอีกตำแหน่งนึงอย่างรวดเร็ว  โดยขณะที่เคลื่อนย้ายนั้นจะต้องเปลี่ยนอะตอมของสสารหรือของมนุษย์ให้ไปอยู่ในรูปแบบของพลังงาน และจะต้องมีวิธีเปลี่ยนพลังงานกลับคืนเป็นสสารที่สมบูรณ์ได้อย่างเดิม ในสภาพเดิมด้วย  ไม่อย่างนั้นก็หมายความว่าทำได้ไม่สำเร็จสมบูรณ์มนุษย์ล่องห่นก็คงจะกลายเป็นมนุษย์ล่องหนตลอดไป...

การล่องหนจากตำแหน่งนึงไปอีกตำแหน่งนึง น่าจะมีประโยชน์ของมนุษย์  มากกว่าคือ ถ้าเราสามารถเปลี่ยนตำแหน่ง โดยการล่องหนได้จริง  เราก็จะสามารถไปไหนต่อไหนได้โดยไม่ต้องพึ่งยานพาหนะใดๆซึ่งในอดีตหรือในนิยายของไทยก็เคยมีมาแล้ว อาทิ หนุมานสามารถไปไหนต่อไหนได้โดยการลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น...

การลัดนิ้วมือเดียวของหนุมาน แท้จริงแล้วก็คือ การล่องหนดีๆนี้เอง
*การล่องหน เป็นความคิดของมนุษย์ในแง่ ของความเป็นสากล  ทุกชาติล้วนเคยมีคนคิดถึงเรื่องมนุษย์ล่องหนมาแล้วทั้งสิ้นแต่อาจซ่อนอยู่ใน แฟนตาซี บทละคร นิยายวิทยาศาสตร์  ในแง่ใดแง่นึงเท่านั้น

รายการบล็อกของฉัน