ฉี่สร้างชาติโรมัน
ชาวโรมันโบราณมอบมรดกหลายอย่างให้แก่เราในปัจจุบัน แต่พวกเขามีมุมมองในแง่การใช้ประโยชน์จากปัสสาวะต่างจากเรามากนัก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้า ฟอกหนังหรือแม้แต่สีฟัน!!!
ร้านซักผ้าโบราณถึงกับตั้งหม้อดินใบใหญ่ไว้ในที่สาธารณะเพื่อรวบรวมปัสสาวะจากผู้คน การใช้และรวบรวมปัสสาวะจำนวนมากเช่นนี้นำไปสู่การจัดเก็บภาษี เช่นเดียวกับวลีโด่งดังที่ว่า
ชาวโรมันโบราณมอบมรดกหลายอย่างให้แก่เราในปัจจุบัน แต่พวกเขามีมุมมองในแง่การใช้ประโยชน์จากปัสสาวะต่างจากเรามากนัก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้า ฟอกหนังหรือแม้แต่สีฟัน!!!
ร้านซักผ้าโบราณถึงกับตั้งหม้อดินใบใหญ่ไว้ในที่สาธารณะเพื่อรวบรวมปัสสาวะจากผู้คน การใช้และรวบรวมปัสสาวะจำนวนมากเช่นนี้นำไปสู่การจัดเก็บภาษี เช่นเดียวกับวลีโด่งดังที่ว่า
“เพคูนีอา นอน โอเลต” (Pecunia non olet แปลตรงตัวว่า เงินไม่เหม็น หมายถึง อะไรที่ทำเงินได้ไม่น่ารังเกียจหรอก ) ซึ่งมีที่มาจากการประกาศเก็บภาษีปัสสาวะโดยจักรพรรดิเนโร (Nero) และจักรพรรดิเวสปาเซียน (Vespasian) ในคริสต์ศตวรรษที่ 1
ภาพวาดปูนเปียก (fesco) แสดงภาพร้านซักผ้า/ย้อมผ้า ของเวรานีอุส ฮีพซีอุส ในเมืองปอมเปอี |
ฉี่นี้มีประโยชน์
ปัจจุบันเราไม่ฉุกคิดว่าจะใช้ปัสสาวะทำอะไรได้มากนัก แต่ในสมัยโบราณ ปัสสาวะถูกมองว่าเป็นสิ่งมีค่าเพราะประกอบด้วยแร่ธาตุและสารเคมีมากมาย อาทิ ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียม ชาวโรมันเชื่อว่าปัสสาวะทำให้ฟันขาวขึ้นและป้องกันฟันผุเมื่อใช้บ้วนปากหรือผสมกับหินพัมมิส(ที่ได้จากลาวา) เพื่อทำเป็นยาสีฟัน ที่จริงยังมีการใช้ปัสสาวะเป็นน้ำยาบ้วนปากและส่วนผสมของยาสีฟันเรื่อยมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18
สิ่งที่ชาวโรมันคิดคือปัสสาวะคุณภาพดี
ปัจจุบันเราไม่ฉุกคิดว่าจะใช้ปัสสาวะทำอะไรได้มากนัก แต่ในสมัยโบราณ ปัสสาวะถูกมองว่าเป็นสิ่งมีค่าเพราะประกอบด้วยแร่ธาตุและสารเคมีมากมาย อาทิ ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียม ชาวโรมันเชื่อว่าปัสสาวะทำให้ฟันขาวขึ้นและป้องกันฟันผุเมื่อใช้บ้วนปากหรือผสมกับหินพัมมิส(ที่ได้จากลาวา) เพื่อทำเป็นยาสีฟัน ที่จริงยังมีการใช้ปัสสาวะเป็นน้ำยาบ้วนปากและส่วนผสมของยาสีฟันเรื่อยมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18
สิ่งที่ชาวโรมันคิดคือปัสสาวะคุณภาพดี
และ(แน่นอน)ราคาแพงที่สุดมาจากพื้นที่ที่เป็นประเทศโปรตุเกสในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่าเป็นปัสสาวะที่เข้มข้น(ดี)ที่สุดในโลก จึงเหมาะสำหรับทำให้ฟันขาว แม้ปัจจุบันจะไม่มีใครเอาปัสสาวะมาสีฟันแล้วก็ตาม แต่สูตรโบราณถือว่าฉี่จากย่านโปรตุเกสมีประสิทธิภาพ เพราะในปัสสาวะมีแอมโมเนียเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีกันแทบทุกบ้าน หากเราทิ้งปัสสาวะไว้ในภาชนะเปิดก็จะกลายเป็นแอมโมเนียเมื่อทำปฏิกิริยากับอากาศ
ในสมัยโรมันมีการใช้ปัสสาวะในกิจการซักผ้า เพราะในปัสสาวะมีแอมโมเนียดังว่า จึงจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอซึ่งเป็นการค้าขายที่เจริญรุ่งเรืองมากในจักรวรรดิโรมัน ขณะเดียวกันก็ปรากฏการใช้ปัสสาวะในการฟอกสีผ้าขนสัตว์หรือผ้าลินิน รวมทั้งการฟอกหนังสัตว์ด้วยฉี่
หลุมรวบรวมฉี่ |
ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 จักรพรรดิเนโรประกาศจัดเก็บภาษีที่เรียกว่า “เวกติกาล ยูรีนี” (vectigal urinae) หรือภาษีปัสสาวะ โดยเรียกเก็บจากการรวบรวมปัสสาวะในที่สาธารณะ เพราะชนชั้นล่างในสังคมจะปัสสาวะใส่หม้อใบเล็กๆ แล้วนำไปเทใส่หลุมส้วม และผู้ซื้อปัสสาวะไปต้องจ่ายภาษี แสดงให้เห็นว่าปัสสาวะเป็นวัตถุดิบอันมีค่าสำหรับกระบวนการเคมีต่างๆ แม้ภาษีดังกล่าวจะถูกยกเลิกไป แต่ก็ได้รับการนำกลับมาใช้ใหม่เมื่อราว ค.ศ.70 ในสมัยของจักรพรรดิเวสปาเซียน (ครองราชย์ ค.ศ. 69-79) เนื่องจากขณะนั้นจักรวรรดิเพิ่งผ่านสงครามกลางเมืองที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง ที่ร้ายที่สุดคือจักรวรรดิไม่มีเงินให้ใช้จ่าย ดังนั้น จึงมีการเก็บภาษีแบบไร้ความปราณีเพื่อนำมาฟื้นฟูจักรวรรดิ รวมถึงฟื้นฟูการเก็บภาษีจากการรวบรวมปัสสาวะในที่สาธารณะในโคลอาคา มักซิมา (Cloaca Maxima) หรือท่อระบายน้ำใหญ่ของกรุงโรมด้วย
Pecunia non olet : เงินไม่เหม็นหรอก
ทันทีที่ประกาศเก็บภาษีปัสสาวะ ปราชญ์โรมันก็เริ่มเรียกส้วมสาธารณะว่า “เวสปาเซียน” ทั้งนี้ ในมุมมองของติตุส (Titus) โอรสและผู้สืบราชบัลลังก์ของจักรพรรดิเวสปาเซียน การเก็บภาษีปัสสาวะเป็นนโยบายที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุด
ขณะเดียวกันนักประวัติศาสตร์โรมันนาม ดีโอ คัสซิอุส (Dio Cassius) และซูเอโทนีอุส (Suetonius) ต่างก็เขียนถึงภาษีที่ไม่น่าพิศมัยนี้ไว้ในหนังสือของตนว่า ขณะที่ติตุสบ่นเรื่องนี้อยู่ จักรพรรดิผู้เป็นพระราชบิดาก็กำลังหยิบเหรียญทองขึ้นพร้อมกล่าว่า
“เงินไม่เหม็นหรอก” สิ่งที่อยู่เบื้องหลังวลีดังกล่าวแสดงว่าเงินไม่มีวันน่ารังเกียจ แม้จะมีที่มาอย่างไรก็ตาม คำพูดดังกล่าวอาจเป็นวลีโด่งดังที่สุดของจักรพรรดิพระองค์นี้ และปัจจุบันก็ยังมีการใช้ประโยคนี้อยู่แม้ติตุสจะไม่ชอบนโยบายของพระราชบิดา แต่ในระยะยาว การเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ของจักรพรรดิเวสปาเซียนก็มีคุณูปการต่อจักรวรรดิโรมัน ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งถูกนำไปใช้สร้างโคลีเซียม (Colliseum) ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างถึง 10 ปีในรัชสมัยของพระองค์ พร้อมกันนั้นก็มีการสร้างส้วมสาธารณะ ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่สร้างความมั่นคงให้จักรวรรดิและการจัดบริการแก่สาธารณชนอีกด้วย
ส้วมสาธารณะสมัยโรมัน |