ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คาลิกูล่า กษัตริย์วิปริตเเห่งโรมัน (ตอนที่ 1)


คาลิกูล่า กษัตริย์วิปริตเเห่งโรมัน (ตอนที่ 1)
คาลิกูลา จักรพรรดิโรมองค์ที่ 3 (ครองราชย์  ค.ศ. 37-41) ทรงเป็นบุตรชายของวีรบุรุษสงครามเจอมันนิคัส กับ อกริพพีน่า ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาวของปฐมจักพรรดิออกัสตัสนั่นเอง เกิดเดือนสิงหาคม ค.ศ.31 ณ ยอดเขาอันตินัม หนึ่งในเจ็ดยอดเขาแห่งโรม 

ชื่อคาลิกูลาของเขามีความหมายว่า รองเท้าแตะสานของทหารโรมัน ทั้งนี้เพราะเขาได้ติดตามพ่อไปปราบกบฏประหนึ่งทหารเด็ก ทำให้เขามีฝีมือในการรบตั้งแต่ยังเยาว์เลยทีเดียว เมื่อพ่อตายไป แม่ก็อภิเษกสมรสกับจักรพรรดิไทเบอรีอัส (องค์ที่ 2 ครองราชย์ 14-37) เขาจึงได้กลายเป็นพระโอรสบุญธรรม แต่เขาเกือบถูกไทเบอรีอัสประหารเหมือนกับพี่น้องผู้ชายของเขา ที่ไทเบอรีอัสต้องการกำจัดไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามของพระโอรสที่แท้จริงของพระองค์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระอนุชาบุญธรรมของคาลิกูลา โชคดีที่แม่ของเขาขอร้องไว้ชีวิตเขากับพี่น้องผู้หญิงเอาไว้ได้ เช่น พี่สาวที่มีชื่อเหมือนกับแม่ อกริพพีน่า ที่ต่อมาได้เป็นพระราชมารดาของจักรพรรดิเนโรนั่นเอง แต่คาลิกูลากลับสนิทสนมกับเดียซิร่า น้องสาวของเขามากกว่าพี่น้องคนใด นางมักจะปลอบโยนและเคียงข้างพี่ชายอยู่เสมอยามที่เขาต้องเผชิญกับความเลวร้ายภายในราชสำนัก

ชีวิตในราชสำนักน่าจะเป็นที่อิจฉาของสามัญชน แต่สำหรับคาลิกูลาแล้ว แม้เขาจะอยู่ในฐานะพระโอรสบุญธรรม แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงกลัวที่จะอาจจะถูกลอบสังหารอยู่เสมอ จักพรรดิเฒ่าไทเบอรีอัสมักจะกล่าวดูถูกเหยียดหยามเขาต่อหน้าสภาขุนนาง หนำซ้ำพระองค์ยังกล่าวใส่ร้ายคาลิกูลาว่าเขาเป็นปิศาจร้ายที่หวังจะปลงพระชนม์ทั้งพระองค์และพระโอรส เพื่อจะขึ้นครองบัลลังก์แทน

ไทเบอรีอัสในยามนั้นก็เป็นเฒ่าทรราชที่มีพฤติกรรมเสื่อมทรามมาก พระองค์เป็นไบเซ็กฌวล ทรงเลี้ยงนางบำเรอทั้งชายหญิงเอาไว้สนองตัณหาในฮาเร็มมากมาย นอกจากจะทรงบ้าตัณหาแล้ว ยังทรงออกกฎหมายห้ามใครซุบซิบนินทาใส่ร้ายพระองค์เป็นอันเด็ดขาด จับได้มีโทษถึงประหาร แถมยังยึดทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของนักโทษเข้าท้องพระคลัง ซึ่งทรัพย์สินเหล่านั้นก็นำไปบำเรอกามตัณหาของพระองค์เอง ทำให้ขุนนางสมัยนั้นไม่กล้าที่จะตักเตือนพระองค์ หนำซ้ำหากขุนนางกงฉินคนใดไม่ชอบหน้าใคร ก็มีการสร้างเรื่องใส่ร้ายนำไปเท็ดทูลจักรพรรดิ ทำให้ขุนนางตงฉินดีๆ สมัยไทเบอรีอัส หากไม่ตายก็เหมือนเป็นคนหูหนวกเป็นใบ้ ทำให้ขุนนางต่างเอือมระอาไม่น้อย แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะอย่างน้อยหากไม่นับในเรื่องส่วนพระองค์แล้ว ไทเบอรีอัสก็ถือเป็นจักรพรรดิที่บริหารบ้านเมืองได้ดีเช่นเดียวกับสมัยปฐมจักรพรรดิออกัสตัส

จะด้วยเพราะปากเสียที่กดดันลูกเลี้ยงมากเกินไป กระทั่งคืนวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 37 จักรพรรดิเฒ่าวัย 77 ชันษา จึงได้สิ้นพระชนม์ลงด้วยเงื้อมมือของคาลิกูลาตามที่พระองค์คาดหมายไว้ จากการแอบลอบปลงพระชนม์ด้วยการบีบพระศอสิ้นพระชนม์คาแท่นบรรทม...

อาจเพราะแรงกดดัน เพราะการเห็นพี่น้องเคยถูกไทเบอรีอัสประหาร หรือเพราะเลือดความร้อนเร่าแบบทหาร ทำให้คาลิกูลาตัดสินใจชิงฆ่าพระบิดาเลี้ยงเพื่อเอาชีวิตตนให้อยู่รอด เขาได้ยึดแหวนซึ่งเป็นแหวนอันชอบธรรมสำหรับจักรพรรดิมาจากพระศพ 
และประกาศต่อสภาขุนนางว่า ไทเบอรีอัสแก่ชราตายและสั่งเสียมอบหมายให้เขาได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป เหล่าขุนนางต่างเห็นชอบยอมรับคาลิกูลา แม้ทุกคนต่างรู้ดีว่าเขาลอบปลงพระชนม์อดีตจักรพรรดิ แต่เพราะไทเบอรีอัสสร้างความเกลียดชังมากมายจนทุกคนต่างก็ยินดีที่ทรราชเฒ่าตายเสียได้ พวกเขาจึงไม่เอาผิดการกระทำของคาลิกูลา ประหนึ่งว่าฆ่าทรราชไม่บาป เหมือนเมื่อครั้งเหล่าขุนนางต่างรุมสังหารจูเลียส ซีซาร์ ในสภานั่นเอง

แม้ว่าไทเบอรีอัสจะมีพระโอรสที่สืบสายเลือดแท้จริงจากพระองค์อยู่แล้วก็ตาม แต่ตอนนั้นยังทรงเป็นเด็กหนุ่มเยาว์วัยดูท่าทางอ่อนแอไร้สง่าราศีอย่างผู้นำไม่เหมือนคาลิกูลาที่เป็นลูกของวีรบุรุษสงคราม มีความสมชายชาตรีน่าเกรงขามมากกว่า คาลิกูลาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งอาณาจักรโรมัน พระนามเต็มว่า กาซิอัส จูลิอัส ซีซาร์ ออกัสตัส เจอมันนิคัส เป็นจักรพรรดิหนุ่มด้วยวัยเพียง 25 ชันษา

คาลิกูลารู้ดีว่า การขึ้นเป็นจักรพรรดิของพระองค์นั่นไม่ได้ขึ้นมาจากความชอบธรรม ดังนั้นพระองค์จึงต้องสร้างผลงานที่ต้องทำให้ดีกว่าสมัยพระบิดาเลี้ยง และต้องวางองค์กระทำทุกอย่างให้ตรงข้ามกับไทเบอรีอัส เพื่อที่พระองค์จะได้มีภาพลักษณ์เป็นมหาราชที่ดีเพื่อลบข้อครหาที่แปดเปื้อนพระองค์ออกไปได้ ดังนั้นเมื่อทรงขึ้นครองราชย์ก็มีรับสั่งให้ลดการเก็บภาษีลงเพื่อซื้อใจประชาชน นอกจากนั้นยังทรงยึดแบบอย่างของออกัสตัสมหาราชมาใช้ เช่น การอนุญาตให้ขุนนางเสนอความคิดเห็นและตักเตือนพระองค์ได้ รวมถึงการทำนุบำรุงศาสนกิจ ส่งเสริมการพาณิชย์และกองทัพเป็นอย่างดี คาลิกูลาตั้งใจว่าพระองค์จะต้องเป็นมหาราชที่ดีเหมือนออกัสตัสให้ได้

ผลจากความตั้งใจจะเป็นมหาราชของพระองค์ก็ได้รับการส่งเสริมจาก เดียซิร่า อีกเช่นกัน นางเป็นคนที่คอยให้คำแนะนำและให้กำลังใจคาลิกูลาเสมอๆ...ความใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้จึงก่อให้เกิดรักต้องห้ามผิดประเวณีขึ้น เพราะแท้ที่จริงแล้ว นอกจากความเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตพ่อแม่เดียวกันนั้น คาลิกูลาและเดียซิร่ายังเป็นคู่รักฉันท์ชู้สาวด้วยกันอีกต่างหาก!


ฉากหนึ่งในเรื่องสงครามกรุงโรม
ขอขอบคุณคลิปจาก Men love story

รายการบล็อกของฉัน