แรกเริ่มได้เกิดสงครามอินโดจีน
ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๔๘๓ จนกลายเป็นสงครามมหาเอเชียบูรพาซึ่งอยู่
ในระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๔-๒๔๘๘ ญี่ปุ่นได้บุกเข้ามาประเทศไทยทางภาคใต้เพื่อจะเดินทัพผ่านประเทศไทยไปยังพม่า จึงเอาประเทศไทยเป็นที่พักทหาร ญี่ปุ่นได้ทำสงครามแผ่ขยายไปในหลายพื้นที่และชนะสงครามในหลายประเทศแถบอินโดจีน
ญี่ปุ่นจึงบีบบังคับให้ฝ่ายไทยเป็นพันธมิตรและยังบังคับให้ไทยต้องทำสงครามกับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ไทยต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยเป็นมิตรกับญี่ปุ่นเพียงกายแต่ใจมิได้เป็นมิตรด้วย ทำให้คนไทยกลุ่มเล็ก ๆ
กลุ่มหนึ่งได้ลักลอบจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นนำโดย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งอัครราชฑูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา กับพวกได้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และคนไทยบางส่วนที่อาศัยอยู่ในอังกฤษก็ได้ร่วมขบวนการนี้ด้วย คนทั่วไปเรียกคนไทยที่สู้รบกับญี่ปุ่นแบบลับๆ ว่า "เสรีไทย" ซึ่งมีขบวนการเสรีไทยทั่วทุกหนแห่งไม่ว่าจะคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศหรือในประเทศไทยทั้งทางภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคกลางและภาคอีสาน
ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๔๘๓ จนกลายเป็นสงครามมหาเอเชียบูรพาซึ่งอยู่
ในระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๔-๒๔๘๘ ญี่ปุ่นได้บุกเข้ามาประเทศไทยทางภาคใต้เพื่อจะเดินทัพผ่านประเทศไทยไปยังพม่า จึงเอาประเทศไทยเป็นที่พักทหาร ญี่ปุ่นได้ทำสงครามแผ่ขยายไปในหลายพื้นที่และชนะสงครามในหลายประเทศแถบอินโดจีน
ญี่ปุ่นจึงบีบบังคับให้ฝ่ายไทยเป็นพันธมิตรและยังบังคับให้ไทยต้องทำสงครามกับสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ไทยต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมเป็นมิตรกับญี่ปุ่น ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยเป็นมิตรกับญี่ปุ่นเพียงกายแต่ใจมิได้เป็นมิตรด้วย ทำให้คนไทยกลุ่มเล็ก ๆ
กลุ่มหนึ่งได้ลักลอบจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นนำโดย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งอัครราชฑูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา กับพวกได้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และคนไทยบางส่วนที่อาศัยอยู่ในอังกฤษก็ได้ร่วมขบวนการนี้ด้วย คนทั่วไปเรียกคนไทยที่สู้รบกับญี่ปุ่นแบบลับๆ ว่า "เสรีไทย" ซึ่งมีขบวนการเสรีไทยทั่วทุกหนแห่งไม่ว่าจะคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศหรือในประเทศไทยทั้งทางภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคกลางและภาคอีสาน
รัฐบาลพลัดถิ่นที่นำโดย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
โดยรัฐบาลไทยในสมัยนั้นมี พลเอก ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี นับได้ว่าบรรพบุรุษของไทยในสมัยก่อน ชาญฉลาดที่ใช้กลวิธี "ตีสองหน้า" เข้าทั้งฝ่ายญี่ปุ่นที่บีบบังคับไทยให้ต้องยอมเป็นพวกเพื่อรักษาตัวให้รอดพ้นเงื้อมือญี่ปุ่น และเสรีไทยที่เข้าทางฝ่ายสัมพันธมิตร ทำให้ประเทศไทยได้รับการรับรองจากสหรัฐอเมริกาว่าไทยเป็นประเทศที่ต่อต้านญี่ปุ่น เป็นผลให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการแพ้สงคราม อีกทั้งทองคำของไทยได้กลับมาคลังหลวงตามเดิม....แต่คุณปู่ประชุมยังยึคมั่นในวาจาสัตย์ไม่เคยปริปากเอ่ยถึงทองคำคลังหลวงให้ใครฟังแม้กระทั่งลูกหลานจนกระทั่งวันหนึ่งในปี พ.ศ.๒๕๒๗ บุตรของคุณปู่ประชุมได้ไปศึกษาดูงานที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้เดินทางผ่านถ้ำฤาษีสมบัติ เมื่อกลับมาได้เล่าให้คุณปู่ประชุมถึงการเดินทางไปจังหวัดเพชรบูรณ์ คุณปู่ประชุมได้ถามถึงถ้ำฤาษีสมบัติ บุตรได้ตอบว่าผ่าน แต่ไม่ได้ขึ้นไปดู เนื่องจากทางรกและสูงชันรถขึ้นลำบาก
คุณปู่ประชุมจึงเล่าให้บุตรฟังว่า ที่ถ้ำฤาษีสมบัตินี่แหล่ะคือสถานที่ที่คุณปู่ประชุมและพวกๆ ได้อารักขาทองคำคลังหลวงของไทยไปซ่อนไว้ในถ้ำ พวกที่ขนทองคำไปก็ไม่รู้ว่าลังที่แบกไปซ่อนไว้ในถ้ำนั้นข้างในเต็มไปด้วยทองคำ เพราะเขาคิดว่าคงเป็นลังบรรจุกระสุนปืน จนกระทั่งญี่ปุ่นได้แพ้สงครามและทองคำได้กลับไปอยู่คลังหลวงตามเดิม ซึ่งคนจังหวัดเพชรบูรณ์เขาภาคภูมิใจมากว่า ครั้งหนึ่งรัฐบาลได้มีนโยบายให้เมืองเพชรบูรณ์เป็นเมืองหลวงของไทยในช่วงที่เกิดภาวะสงครามทั้ง ๆ ที่เมืองเพชรบูรณ์ในขณะนั้นการคมนาคมยากลำบาก ทุรกันดารและมีไข้ป่าชุกชุม ที่สำคัญคนเพชรบูรณ์ยังมีส่วนร่วมในการพิทักษ์รักษาสมบัติของชาติ คือทองคำคลังหลวง
ประวัติคุณปู่ประชุม พัดประดิษฐ โดยสังเขป เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๐ กันยายน พ.ส.๒๔๖๗ (หมายเหตุจากหลักฐานประจำตัวคุณปู่ปรากฏว่าทางราชการเขียนด้วย พ.ส.ซึ่งหมายถึง พ.ศ.ในปัจจุบันนี้...ผู้เขียน)มรณะเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ สิริรวมอายุ ๘๕ ปี ๓ เดือน ๑๗ วัน ได้รับพระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ส.) เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ เอกสารอ้างอิง หนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ ดาบตำรวจประชุม พัดประดิษฐ ช.ส.(เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา)