เกาะปะการังปิงเกลัป “เกาะตาบอดสี” เมื่อผู้คนบนเกาะไม่สามารถแยกแยะสีได้สูงผิดปกติ มันคือตาบอดสี “ทั้งหมด”
เกาะตาบอดสี ‘ปิงเกลัป’ ที่ซึ่งป่าเป็นสีชมพู ทะเลสีเทาและแสงที่จ้าเกินไปไม่ว่าจะบอกว่าเกาะนี่เป็นสีชมพูหรือทะเลสีเทา นี่ถือว่าเป็นการมองโลกในแง่ดี เพราะความจริงแล้ว ทุกสิ่งที่ผู้อาศัยบนเกาะเห็น อาจมีแค่สีขาวและดำ แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เรามาดูกัน
เกาะปะการังปิงเกลัป (Pingelap) ได้รับการขนานนามว่า “เกาะตาบอดสี” มันเกาะที่ผู้คนบนเกาะไม่สามารถแยกแยะสีได้สูงผิดปกติ มันคือตาบอดสี “ทั้งหมด” ซึ่งปกติแล้วจะเกิดขึ้นกับประกรราวๆ 1 ใน 30,000 คนทั่วโลก แต่สำหรับเกาะที่มีประชากรขนาดเล็กแห่งนี้ มันกลับสูงถึง 1 ใน 10 เลยทีเดียว
ทุกเรื่องราวที่แปลกประหลาด มักจะมีที่มาไม่ธรรมดาเช่นกัน .. มันเริ่มขึ้นในปี 1775 เมื่อพายุไต้ฝุนได้พัดถล่มเกาะปะการังปะการังปิงเกลัป ที่อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก จนทำให้มีผู้รอดชีวิตอยู่บนเกาะเพียง 20 คน หนึ่งในนั้นคือราชาของเกาะ
และพวกเขาก็อยู่กันด้วยประชากรเท่าที่มี จนเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ดูเหมือนคอขวดของประชากร จะเป็นสาเหตุของการตาบอดสีทั้งหมดในประชากรบนเกาะจำนวนมาก
ผู้ที่เป็นโรคนี้จะไม่สามารถเห็นสีใดๆ ได้ โดยจะมองเห็นได้เฉพาะในสีดำ สีขาวและสีเทา หรืออาจเป็นสีชมพู เนื่องจากไม่มีกรวยรับรู้สีที่ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ ผู้ที่มีภาวะตาบอดสีโดยสมบูรณ์ (Achromatopsia) อาจมีความไวต่อแสงมากเป็นพิเศษ ความคมชัดในการมองเห็นก็ลดลง และจะเกิดการเคลื่อนไหวของดวงตาโดยไม่ได้ตั้งใจ
กลับมาที่พายุไต้ฝุ่นและราชา.. เมื่อพายุไต้ฝุ่นในปี 1775 กวาดล้างประชากรปิงเกลัป ที่ค่อนข้างมีน้อยอยู่แล้ว ให้น้อยลงไปอีกจนน่าใจหาย .. ราชาและประชาชนของเขาอีก 19 คน ถูกทิ้งไว้บนเกาะปะการังแห่งนี้
และเนื่องจากมีผู้คนอยู่ไม่กี่คนบนเกาะ การสืบทอดเผ่าพันธุ์กับญาติที่ใกล้ชิดจึงเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อผ่านไปหลายรุ่น “ยีนด้อย” จึงส่งผลจัดเจนขึ้น จนทำให้เกิดภาวะตาบอดสีโดยสมบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันพบได้กับคนเกาะถึง 10%
ข้อมูลประกอบเพิ่มเติม
ตาบอดสี (อังกฤษ: color blindness) หรือ การพร่องการเห็นสี (อังกฤษ: color vision deficiency) เป็นภาวะที่ความสามารถในการมองเห็นสีลดลงหรือการเห็นสีที่แตกต่างไปจากปกติ ภาวะนี้อาจทำให้ความสามารถบางอย่างลดลง เช่น การเลือกผลไม้ที่แก่หรือสุก การเลือกเสื้อผ้า และการอ่านสัญญาณไฟจราจร นอกจากนี้ ตาบอดสีอาจทำให้กิจกรรมทางการศึกษาบางอย่างยากขึ้น เช่น การเรียนศิลปะ อย่างไรก็ตาม ปัญหาโดยทั่วไปบางอย่างมักเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่คนตาบอดสีส่วนใหญ่สามารถปรับตัวเข้ากับภาวะนี้ได้ ส่วนใหญ่จะแยกระหว่างสีเขียวและสีแดงไม่ได้
ภาพแสดงการมองเห็นปกติกับตาบอดสีประเภทต่าง ๆ
โดยทั่วไปมนุษย์จะมีเซลล์รับแสงอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกทำหน้าที่รับรู้ถึงความมืด หรือ สว่าง ไม่สามารถแยกแยะสีสันได้ แต่จะมีความไวในการกระตุ้นแม้ในที่ที่มีแสงเพียงเล็กน้อย เช่น เวลากลางคืน ส่วนเซลล์กลุ่มที่สองจะทำหน้าที่บอกสีต่าง ๆ ที่เรามองเห็น โดยจะแยกได้อีกเป็น 3 ชนิด ตามระดับคลื่นแสง หรือสี ที่กระตุ้น ได้แก่ เซลล์รับแสงสีแดง เซลล์รับแสงสีน้ำเงิน และเซลส์รับแสงสีเขียวสำหรับการรับแสงสีอื่น โดยให้สมองเราแปลภาพออกมาเป็นสีต่าง ๆ
โรคตาบอดสี เกิดขึ้นจากเซลล์ประสาทชนิดหนึ่ง ในม่านตาที่มีการตอบสนองความไวต่อสีต่าง ๆ ทำงานผิดปกติ จนเกิดเป็นความบกพร่องหรือความพิการ ส่งผลให้ดวงตาไม่สามารถที่จะมองเห็นสีบางสีได้ แต่ทั้งนี้ ตาบอดสีไม่ได้มีเพียงแต่ข้อเสียเท่านั้น แต่ผู้ที่ตาบอดสีจะมีความสามารถในการแยกสีเฉดเดียวกันที่มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยได้ดีกว่าคนปกติ ตัวอย่างเช่น คนตาบอดสีเขียวจะแยกสีที่คล้ายกัน เช่น เขียวอ่อน เขียวอมเหลือง ได้ละเอียด และในประเทศอิสราเอลมีการรับ คนที่ตาบอดสีเข้าประจำในกองทัพบก เพราะคนเหล่านี้จะมองเห็นรถถังที่ทาสี พรางตัวอยู่ในภูมิประเทศ ได้ดีกว่าคนที่มีดวงตาเป็นปกติ
อาการ
อาการที่แสดงถึงความผิดปกตินั้นมักเกิดขึ้นจากจอประสาทตาเส้นประสาทตา หรือส่วนรับรู้ในสมองถูกทำลาย สาเหตุต่าง ๆ เช่น การอักเสบ ภาวะขาดเลือด อุบัติเหตุเนื้อ งอก การเสื่อมลงของจอประสาทตา และผลข้างเคียงจากใช้ยาหรือสารเคมีอื่น ๆ โดยผู้ป่วยจะมีอาการเรียกชื่อสีหรือเห็นสีผิดไปจากเดิม เช่น ความผิดปกติของตาทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน อาจเป็นตาเดียวหรือทั้ง 2 ตา มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นหรือลดลงได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรคที่เป็นอยู่นั้น