ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ผลสำรวจล่าสุดชี้ การปลูกต้นไม้เพิ่มล้านล้านต้นวันนี้ ช่วยลดคาร์บอนในบรรยากาศลงได้ 25%


ผลวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดประกอบกับข้อมูลอื่น ๆ ชี้ว่า ทั่วโลกยังมีที่ว่างใช้ปลูกป่าได้อีกเกือบ 10 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งกว้างใหญ่พอกับสหรัฐอเมริกาทั้งประเทศ และหากทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้เป็นจำนวนราว 1 ล้านล้านต้นลงในพื้นที่นี้โดยเร่งด่วนแล้ว ป่าที่เกิดใหม่จะสามารถดูดซับคาร์บอนในชั้นบรรยากาศได้มากถึง 25% ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า

ผลการศึกษานี้จัดทำโดยคณะนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยี ETH ซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ และตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Science ฉบับล่าสุด โดยระบุว่าวิธีปลูกป่าในพื้นที่ว่างนอกเหนือจากทะเลทราย พื้นที่การเกษตร และเขตชุมชนเมืองทั่วโลกนี้เป็น "วิธีการที่ดีที่สุด" เพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ครอบคลุมพื้นที่มหาศาลอย่างเร่งด่วน มีศักยภาพสูงที่จะสามารถควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้ร้อนขึ้นอีกเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2050 ซึ่งเป็นเป้าหมายของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC)
คาดว่าพื้นที่ป่าเกิดใหม่ 900 ล้านเฮกตาร์ หรือเกือบ 10 ล้านตารางกิโลเมตรนี้ จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้ถึง 200 กิกะตัน คิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณคาร์บอนส่วนเกินที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ตั้งแต่ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม และคิดเป็น 25% ของปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดในบรรยากาศโลกทุกวันนี้

ศาสตราจารย์ทอม โครว์เทอร์ ผู้นำทีมวิจัยระบุว่า "ถ้าร่วมกันลงมือปลูกป่าเสียแต่เดี๋ยวนี้ เราอาจลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงมาอยู่ในระดับที่เคยเป็นเมื่อราวร้อยปีที่แล้วได้ แต่ต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าต้นไม้จะโตพอและป่าเกิดใหม่จะมีศักยภาพในระดับนี้"
ทีมผู้วิจัยยังระบุว่า พื้นที่ปลูกป่าดังกล่าวสามารถปลูกเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 4 แสน ตร.กม. ไปจนถึง 1.5 ล้าน ตร.กม.ได้ใน 6 ประเทศ ได้แก่รัสเซีย สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย บราซิล และจีน


การปลูกป่านั้นมีความสำคัญ แต่นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มมองว่ายังมีวิธีอื่นที่ช่วยตัดลดการปล่อยคาร์บอนได้ดีกว่านี้
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมบางส่วนในสหราชอาณาจักร แสดงความกังขาต่อวิธีระดมกำลังปลูกป่าในพื้นที่มหาศาลนี้ว่า แม้จะเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ดี แต่ไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในขณะนี้

โดยถือว่ามีประสิทธิภาพและความสำคัญเป็นรองจากแผนหยุดยั้งการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ส่วนปริมาณ
คาร์บอนไดออกไซด์ที่ประเมินว่าป่าเกิดใหม่จะดูดซับไปกักเก็บไว้ได้หลายร้อยกิกะตันนั้น อาจคาดการณ์ไว้สูงจนเกินไป


นอกจากนี้ รายงานวิจัยดังกล่าวยังไม่ได้แจกแจงรายละเอียดว่า เงินทุนสำหรับแผนการปลูกป่าทั่วโลกนั้นจะมีที่มาอย่างไรและใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะค่าใช้จ่ายในการนี้อาจสูงถึงหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

รายการบล็อกของฉัน