ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2563

มัมมี่แห่งเมืองยุโรปบุรุษแห่งกรอบาล

ศพในพรุ มัมมี่แห่งเมืองยุโรป
บุรุษแห่งกรอบาล.
ค้นหา
Custom Search
Bog คือลักษณะภูมิประเทศอย่างหนึ่ง เป็นที่ลุ่มชื้นแฉะ มีซากผุพังของพืชพันธุ์ทับถม มักเกิดขึ้นในบริเวณน้ำแช่ขังหรือบริเวณน้ำตื้นตามหนองบึง

ซึ่งมีพืชพันธุ์ปกคลุมหนาแน่น ทั้งลอยอยู่เหนือน้ำ ทั้งทับถมอยู่ใต้ท้องน้ำ น่าจะตรงกับพรุในภาษาใต้ แต่เป็นพรุฝรั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป แถบเยอรมนี สแกนดิเนเวีย อังกฤษ และไอร์แลนด์ พรุแถบนี้เป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของถ่านพีท หรือถ่านหินเลน ที่จัดเป็นถ่านหินเนื้ออ่อนคล้ายดินเหนียวที่ชาวบ้านจะขุดตักขึ้นมาเป็น แท่งๆ ผึ่งให้แห้งแล้วนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิง สภาพความเย็นจัด ความเป็นกรดสูง และขาดออกซิเจนของพรุแถบนี้ จะยับยั้งการแพร่กระจายของแบคทีเรียที่ต้องการออกซิเจนในการย่อยสลายอินทรีย วัตถุได้อย่างมหัศจรรย์ ทำให้อินทรียวัตถุใดๆที่ตกจมอยู่ ในพรุไม่เน่าไม่เปื่อย
คนโบราณโดยเฉพาะชนเผ่าเซลท์ที่อาศัยอยู่ในแถบนี้เมื่อหลายพันปีมาแล้ว คงสังเกตเห็นคุณสมบัติอันแปลกประหลาดลึกลับนี้ พรุจึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบพิธีกรรม รวมทั้งเป็นที่ฝังร่างผู้ถูกเซ่นสรวงสังเวยและวัตถุศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ

กระทั่งตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ที่เริ่มมีการขุดถ่านพีทมาใช้เป็นต้นมา คนงานขุดถ่านพีทก็มักจะพบเจอศพที่ถูกดองอยู่ในพรุ และยังอยู่ในสภาพดีมากมาย รวมๆแล้วเกือบสองพันร่าง นักวิชาการเรียกศพเหล่านี้ว่า Bog Bodies หรือ Bog People ในบรรดาชาวพรุเกือบสองพันนี้ ศพแรกที่พบก็คือ ศพคิบเบลกราน (Kibbelgraan Body) พบที่เนเธอร์แลนด์ในปี ค.ศ.1791 ศพในพรุเหล่านี้มีไม่กี่ร่างเท่านั้นที่ครบครัน ในบรรดานี้บุรุษแห่งกรอบาล (Grauballe Man-เดนมาร์ก) และบุรุษแห่งโทลลุนด์ (Tollund Man-เดนมาร์ก) ดูจะครบถ้วนกระบวนอวัยวะที่สุด
ร่างในพรุหลายร่างมีร่องรอยว่าถูกรัดคอ แขวนคอ เชือดคอ ทุบศีรษะหรือแทง บางรายก็ถูกสังหารถึงสามวิธี ทั้งรัดคอ เชือดคอ และทุบศีรษะ และส่วนใหญ่อยู่ ในสภาพเปล่าเปลือย จึงเป็นที่มาของการสันนิษฐานว่า คนเหล่านี้ถูกทรมาน ลงโทษ หรือถูกนำมาเซ่นสรวง สังเวยด้วยเหตุบางประการ การสังหารคนคนเดียวด้วยวิธีต่างๆกันหลายวิธีนั้น ก็เพื่อสังเวยแด่เทพคนละองค์ รัดคอถวายเทพองค์นี้ เชือดอีกทีถวายเทวีองค์นั้น ทุบหัวมันถวายเทพองค์โน้น เป็นต้น โอ๊ย! ถวายเทพองค์เดียวก็ดับดิ้นสิ้นใจแล้วละค่ะ เราอาจไม่มีทางรู้ได้ว่าศพในพรุเหล่านี้คือนักบวชบริสุทธิ์ผู้ได้รับเกียรติ ให้นำสารสู่ทวยเทพ หรือคนชั่วมิจ–ฉาชีพผู้ถูกสำเร็จโทษ แต่จะอย่างไรร่างไร้ชีวาของพวกเขาก็น่าสนใจอย่างยิ่ง อาจจะน่าสนใจกว่ายามเมื่อพวกเขามีชีวิตด้วยซ้ำ
เชิญพบกับศพในพรุผู้โด่งดังพอเป็นแซมเปิ้ล
1. บุรุษแห่งลินดาว (Lindow Man) พบที่พรุลินดาวมอส ในเชสเชียร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ ศพนี้สิ้นอายุขัยมากว่า 2,000 ปี การตรวจสอบพบว่า เขามีชีวิตอยู่ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 เป็นชายวัย 20 ที่แข็งแรง เขาถูกตีที่ศีรษะอย่างแรงสองครั้ง และถูกรัดคอซ้ำด้วยเชือกเอ็นสัตว์ที่ยังคงทิ้งค้างอยู่ รอบคอ ทั้ง ที่คอยังมีแผลเปิดที่ไม่แน่ว่าถูกเชือด หรือเป็นรอยปริแตกเมื่อศพบวมพอง กับมี ซี่โครงหักอีกหนึ่งซี่ ซึ่งเกิดจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงด้านหลัง
2. บุรุษแห่งโทลลุนด์ (Tollund Man) พบที่พรุใกล้หมู่บ้านโทลลุนด์ในเดนมาร์ก เมื่อปี 1950 ร่างของชายสองพันปี ผู้มิได้สวมอะไรเลยนอกจากเข็มขัดหนังกับหมวกหนังแกะผู้นี้ นอนขดคู้เข่าขึ้นในท่าที่ดูสบายๆ ใบหน้าไม่มีริ้วรอยความเจ็บปวดทรมานแต่อย่างใด คล้ายจะหลับฝันดีด้วยซ้ำ ถ้าปราศจากเชือกแขวนคอที่ฟั่นด้วยเส้นหนังสองเส้นที่รอบคอ เขาตายเมื่อประมาณปี 400 ก่อน ค.ศ. ศพของเขาถูกฝังลึกลงไปจากพื้นดินถึง 50 เมตรทีเดียว
3. คนคู่แห่งเวียร์ดินจ์ (Weerdinge Couple) พบเมื่อปี 1904 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นศพคนไร้ ศีรษะสองร่าง ร่างที่ใหญ่กว่าอยู่ในลักษณะจับประคองอีกร่างที่เล็กกว่า ร่างที่ใหญ่กว่านั้นยังมีกระดูกเชิงกรานครบครันบอกชัดเจนว่าเป็นชาย ร่างที่เล็กกว่าจึงถูกเข้าใจว่าเป็นหญิง และตีความกันไปว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยา หรือคู่รักกัน คนทั้งสองเสียชีวิตระหว่างปี 100 ก่อน ค.ศ.-ค.ศ.50

อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบในช่วงปี ค.ศ.1990 ทำให้ พบว่า มีเคราเป็นกระจุกอยู่ตรงส่วนคางที่เหลืออยู่ของร่างเล็ก จึงเกิดปัญหาตามมาว่า หรือทั้งสองจะเป็นคู่เกย์สองพันปี อันจะไปเข้าเค้ากับบันทึกของทาสิทัส (Tacitus) นักประวัติศาสตร์โรมันในศตวรรษที่ 1 ที่เล่าว่า ชนเผ่าเยอรมันมีธรรมเนียมลงโทษผู้มีพฤติกรรมรักร่วมเพศด้วยการสังหารแล้วโยน ลงในพรุ

นอกเหนือจากศพมนุษย์แล้ว พรุถ่านพีทแห่งยุโรปเหนือยังอนุรักษ์วัตถุอื่นๆอีกทั้งโลหะ ไม้ ผ้า และหนังในรูปแบบต่างๆ นักวิชาการสันนิษฐานว่า สิ่งของเหล่านี้ถูกโยนลงไปในพรุ โดยเจตนาให้เป็นเครื่องเซ่นสรวง ข้าวของเหล่านี้โดดเด่นน่าสนใจก็เห็นจะมีดังนี้
1. รถม้าสุริยะแห่งทรุนด์โฮล์ม (Trundholm Sun Chariot) พบเมื่อปี 1902 ที่ทรุนด์ โฮล์มมัวร์ ซีแลนด์ตะวันตก ในเดนมาร์ก เป็นรูปสลักม้าบนล้อลากสี่ล้อต่อเชื่อมกับอีกสองล้อหลัง ที่รองรับแผ่นบรอนซ์รูปกลมแผ่นใหญ่ที่หมายถึงดวงอาทิตย์ ด้านหนึ่งของแผ่นกลมนี้ยังมีทองหุ้มบางส่วน รถม้าจำลองคันนี้สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 18-16 ก่อน ค.ศ. รูปแบบเป็นไปตามความเชื่อพื้นบ้านว่า ยามกลางวันดวงอาทิตย์จะถูกลากข้ามฟากฟ้าจากตะวันออกไปตะวันตก โดยหันด้านสว่างหรือด้านที่หุ้มทองออก และยามกลางคืนก็จะลากกลับ โดยหันด้านมืดหรือด้านที่ไม่หุ้มทองออก
2. อ่างกุนเดอสตรับ (Gundestrup Cauldron) ภาชนะเงินใบใหญ่ใบนี้ทำขึ้นในศตวรรษที่ 1 ก่อน ค.ศ. พบที่พรุรีฟโมส (Reavemose Bog) ในฮิมเมอร์แลนด์ เดนมาร์ก 
เมื่อปี ค.ศ.1891 มันถูกแยกออกเป็นชิ้นๆสิบกว่าชิ้น ก่อนจะฝังลงในพรุถ่านพีท เมื่อประกอบกันขึ้นเป็นรูปร่างเรียบร้อยก็ปรากฏว่ามันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์ กลาง 69 ซม. สูง 42 ซม. เป็นงานเครื่องเงินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปยุคเหล็ก มีภาพจำหลักโดยรอบ เป็นงานที่ผสมผสานศิลปะจากหลากหลายวัฒนธรรมเสียจนนักวิชาการเองก็ถึงแก่ งงงวย รูปแบบและฝีมือช่างดูเป็นงานของเธรเชียน ชนเผ่าทางยุโรปใต้ แถวคาบสมุทรบอลข่าน ภาพจำหลักทวยเทพและสัตว์มาจากตำนานของชาวเซลท์ วัสดุเงิน
ที่ใช้หล่ออาจมาจากเหรียญเงินของเปอร์เซีย และนักวิชาการบางคนยังบอกว่า ลวดลายของภาพจำหลักดูจะมีกลิ่นอายของอินเดียอยู่ด้วย โอ้โฮ!มายังไงกันล่ะนี่...

สรุปแล้ว พรุในยุโรปเหนือใช่จะมีแต่ถ่านพีทให้นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิง พรุยังมีความลึกลับแห่งชีวิตและความตายของชนเผ่าโบราณที่ทิ้งร่องรอยหลักฐาน ให้เราค้นคว้าอีกมากมายที่ทั้งน่าสยดสยองและน่าทึ่งทีเดียว.

รายการบล็อกของฉัน