เมื่อพญามังกรขอล้างอาย!? สงครามจีน-พม่าครั้งที่4 บทสรุปแห่งสงครามระหว่างจักรพรรดิเฉียนหลงและพระเจ้ามังระ
หลังจากความพ่ายแพ้ของหมิงรุ่ยต่อกองทัพพม่าของราชวงศ์คองบอง ทำให้จักรพรรดิเฉียนหลงทรงตกพระทัยเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพของพระองค์พ่ายแพ้ต่อกองทัพพม่าของพระเจ้ามังระ
พระองค์จึงเรียกองคมนตรีฟู่เหิง นักการทหารผู้ยิ่งใหญ่ของต้าชิง รวมถึงเสนาบดีฝ่ายกลาโหมอากุ้ย แม่ทัพใหญ่อาหลีกุนและเอ้อหนิงข้าหลวงใหญ่
แห่งยูนนานและกุ้ยโจว ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่ช่ำชองในพิชัยสงครามเป็นอย่างดี เพื่อหวังพิชิตอาณาจักรพม่าของพระเจ้ามังระให้จงได้
พระองค์จึงเรียกองคมนตรีฟู่เหิง นักการทหารผู้ยิ่งใหญ่ของต้าชิง รวมถึงเสนาบดีฝ่ายกลาโหมอากุ้ย แม่ทัพใหญ่อาหลีกุนและเอ้อหนิงข้าหลวงใหญ่
แห่งยูนนานและกุ้ยโจว ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่ช่ำชองในพิชัยสงครามเป็นอย่างดี เพื่อหวังพิชิตอาณาจักรพม่าของพระเจ้ามังระให้จงได้
เฉียนหลงฮ่องเต้ได้สั่งเหล่าแม่ทัพนำกองทัพแปด
กองธงเขาร่วมในสงครามครั้งนี้รวมกำลังได้ทั้งหมด 60,000 คน ขณะเดียวกัน พระเจ้ามังระก็ได้จัดเตรียมกองทัพจำนวน 40,000 คน ไว้ตั้งรับที่ชายแดน
โดยคราวนี้พระเจ้ามังระได้ยอดขุนพลฝีมือดีอย่าง
อะแซหวุ่นกี้ บาลามินดิน เนเมียวสีหตู และ
เนเมียวสีหบดี ที่พึ่งเสร็จศึกจากกรุงศรีอยุธยา มารับศึกครั้งสำคัญกับต้าชิง
กองธงเขาร่วมในสงครามครั้งนี้รวมกำลังได้ทั้งหมด 60,000 คน ขณะเดียวกัน พระเจ้ามังระก็ได้จัดเตรียมกองทัพจำนวน 40,000 คน ไว้ตั้งรับที่ชายแดน
โดยคราวนี้พระเจ้ามังระได้ยอดขุนพลฝีมือดีอย่าง
อะแซหวุ่นกี้ บาลามินดิน เนเมียวสีหตู และ
เนเมียวสีหบดี ที่พึ่งเสร็จศึกจากกรุงศรีอยุธยา มารับศึกครั้งสำคัญกับต้าชิง
สี่แม่ทัพเอกของพระเจ้ามังระไม่ทำให้ผิดหวัง
เพราะสามารถต้านทานการบุกของกองทัพต้าชิงไว้ได้ และในช่วงสุดท้าย กองทัพต้าชิงก็ถูกกองทัพพม่าล้อม ทว่าอะแซหวุ่นกี้เลือกที่จะขอเจรจากับต้าชิง
จนเกิดเป็นสนธิสัญญากองตน เป็นอันยุติสงครามระหว่างพระเจ้ามังระแห่งพม่าและจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งต้าชิง
เพราะสามารถต้านทานการบุกของกองทัพต้าชิงไว้ได้ และในช่วงสุดท้าย กองทัพต้าชิงก็ถูกกองทัพพม่าล้อม ทว่าอะแซหวุ่นกี้เลือกที่จะขอเจรจากับต้าชิง
จนเกิดเป็นสนธิสัญญากองตน เป็นอันยุติสงครามระหว่างพระเจ้ามังระแห่งพม่าและจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งต้าชิง
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างชัยชนะในสงครามครั้งนี้ โดยฝ่ายต้าชิงมองว่าในที่สุดพระเจ้ามังระก็ยอมส่งบรรณาการให้ต้าชิง เพื่อแสดงความนอบน้อมต่อพระองค์ ขณะเดียวกัน ฝ่ายพม่าก็มองว่าพวกตนชนะ เพราะสามารถป้องกันอาณาจักรเอาไว้ได้ แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันทหารของต้าชิงที่ส่งมายังไม่ใช่กองทัพขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันฝ่ายพม่าต้องระดมกำลังจากทุกภาคส่วนเพื่อรับศึกครั้งนี้ เพราะถ้าหากแพ้ ย่อมหมายถึงการสิ้นชาติเลยทีเดียว
สุดท้าย การสู้รบครั้งนี้ถือเป็นรอยด่างพร้อยของจักรพรรดิเฉียนหลง ที่ไม่สามารถปราบพม่าได้อย่างราบคาบ ขณะเดียวกันทางฝั่งพม่า หลังสิ้นยุคของพระเจ้ามังระ พม่าก็ไม่เคยรุ่งเรืองทางการทหารเช่นนี้อีกเลย