😂พบสุสานชนเผ่าเร่รอนในจีน
(3 พฤษภาคม 2560) สำนักข่าวซินหัวของจีนเสนอข่าวการพบสุสานที่ฝังศพชนเผ่าเร่ร่อนที่แหล่งขุดค้นอินซฺวี (Yinxu)ในเมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน ซึ่งประกอบด้วยหลุมศพมากกว่า 90 หลุม และเชื่อว่าในจำนวนดังกล่าวมีอยู่ 18 หลุมที่เป็นที่ฝังร่างของชนเผ่าเร่ร่อน ทั้งนี้จากการศึกษาตัวอย่างดินและวัตถุสิ่งของที่ขุดพบ ทำให้นักวิชาการเชื่อว่าหลุมศพเหล่านี้มีอายุประมาณ 1,800 ปี
(3 พฤษภาคม 2560) สำนักข่าวซินหัวของจีนเสนอข่าวการพบสุสานที่ฝังศพชนเผ่าเร่ร่อนที่แหล่งขุดค้นอินซฺวี (Yinxu)ในเมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน ซึ่งประกอบด้วยหลุมศพมากกว่า 90 หลุม และเชื่อว่าในจำนวนดังกล่าวมีอยู่ 18 หลุมที่เป็นที่ฝังร่างของชนเผ่าเร่ร่อน ทั้งนี้จากการศึกษาตัวอย่างดินและวัตถุสิ่งของที่ขุดพบ ทำให้นักวิชาการเชื่อว่าหลุมศพเหล่านี้มีอายุประมาณ 1,800 ปี
พื้นที่ที่พบหลุมศพโบราณกว่า 90 หลุม ที่มาของภาพ
นักวิชาการจากสถาบันโบราณคดีของจีนกล่าวว่าหลักฐานที่พบแสดงว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง (Shang Dynasty, 1600-1046 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ส่วนหลุมศพชนเผ่าเร่ร่อน 18 หลุม มีขนาดค่อนข้างเล็กและก่อด้วยอิฐซึ่งเป็นวิธีการก่อสร้างในช่วงหลังราชวงศ์ซางมาแล้ว
วัตถุที่ฝังลงไปพร้อมศพประกอบด้วยหม้อสองหูทำด้วยสัมฤทธิ์และเหล็ก ดาบเหล็กสั้นและสร้อยทำด้วยลูกปัดหินโมรา (agate) ซึ่งทั้งหมดเป็นข้าวของเครื่องใช้ของชนเผ่าเร่ร่อนในเวลานั้น ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่อว่าทั้ง 18 หลุมเป็นที่ฝังร่างของชนเผ่าเร่ร่อนทางตอนเหนือที่ย้ายลงมาตั้งถิ่นฐานทางตอนกลางของจีน
โบราณวัตถุที่ขุดพบซึ่งจะนำไปศึกษาต่อไป (ภาพการขุดค้นที่เหอเป่ย) ที่มาของภาพ
โครงกระดูกที่อาจช่วยอธิบายต้นกำเนิดของชนเผ่าเร่ร่อนได้ (การขุดค้นที่เหอเป่ย) ที่มาของภาพ
นอกจากนี้ยังมีศพมนุษย์ที่ยังอยู่ในสภาพดี ซึ่งในเบื้องต้นยืนยันได้ว่าศพเหล่านี้เป็นของผู้ชายที่มีความสูงมากกว่า 160 เซนติเมตร นักมานุษยวิทยาจะทดสอบซากศพเหล่านี้ซึ่งน่าจะช่วยให้เกิดความกระจ่างเกี่ยวกับต้นกำเนิดของชนเผ่าเร่ร่อนเหล่านี้ได้
อีกมุมหนึ่งของสถานที่ขุดค้น ที่มาของภาพ
แม้จะเคยมีการค้นพบสุสานในบริเวณนี้มาแล้วเมื่อทศวรรษ 1950 แต่การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พบหมู่หลุมฝังศพชนเผ่าเร่ร่อนจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยพบมาในเมืองอันหยาง
แหล่งขุดค้นอินซฺวี (Yinxu) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก “อินซฺวี” ตั้งตามชื่อเมืองหลวงสุดท้ายของราชวงศ์ซาง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีฐานะเป็นเมืองหลวงอยู่ 225 ปี มีจักรพรรดิปกครองอยู่ 12 พระองค์ เมืองหลวงเก่าแห่งนี้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญของสิ่งที่เป็นไปในยุคทองของอารยธรรมจีนสมัยสำริด
สุสานหลวงและพระราชวังที่เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมจีน และกระดูกคำทำนายที่จารึกด้วยอักษรภาพแบบจีนโบราณ ที่บ่งบอกเกี่ยวกับวัฒนธรรม และสถานะทางสังคมของคนในยุคนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ได้ขุดค้นพบในเมืองนี้