ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560

นครที่สาบสูญ เมืองสิคีริยาSigiriya อนุสรณ์สถานคนบาป

🏨นครที่สาบสูญ เมืองสิคีริยา(Sigiriya) อนุสรณ์สถานคนบาป
สิคิริยะ (สิงหล: සීගිරිය, Sigiriya) หรือ หินราชสีห์ เป็นเมืองในอำเภอมาตะเล จังหวัดกลาง ตอนกลางของประเทศศรีลังกา ประกอบด้วยหินปลักภูเขาไฟความสูงประมาณ 370 เมตร ป้อมปราการและปราสาทโบราณ รายล้อมด้วยสวนหย่อมและระบบชลประทาน ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของศรีลังกา 

โดยเฉพาะจิตรกรรมฝาผนังโบราณ  ได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลกหนึ่งในแปดแห่งของประเทศ
สิคิริยะมีประชากรอยู่อาศัยมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีหลักฐานการสร้างวิหารพุทธมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ในคัมภีร์มหาวงศ์ระบุว่าป้อมปราการเหล่านี้สร้างขึ้นในคริสตศวรรษที่ 5 โดยพระเจ้ากัสสปะ ระหว่าง ค.ศ. 447 ถึง ค.ศ. 495 เพื่อป้องกันการชิงราชบัลลังก์จากพระเจ้าโมคคัลลานะ พระเชษฐาของพระองค์
สิคีริยา มีประวัติความเป็นมายาวนาน นับตั้งแต่พุทธปรินิพพานได้ 277 ปี
พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะได้เสด็จประพาสและตั้งชื่อภูเขาแห่งนี้ว่าสีหคีรี ซึ่งแปลว่า เขาสิงห์

ต่อมาใน พ.ศ.440-454 พระเจ้าปุลหัตถะได้สร้างป้อมพร้อมศาลาโรงธรรมไว้ที่นี่
การที่จะสร้างให้สิคีริยาเป็นราชธานนี้ มีมาตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าธาตุเสน ราชธานีของพระองค์อยู่ที่อนุราชปุระ
พระองค์มีพระราชประสงค์จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีอำนาจทั้งฟ้าและดิน จึงต้องหาที่สร้างวังบนยอดเขา

ต่อมาเจ้าชายกัสสปะพระราชโอรสผู้ประสูติจากมเหสีฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นหญิงสามัญชน ได้ยึดอำนาจการปกครองจากพระเจ้าธาตุเสน ทำให้เจ้าชายโมคคัลลาน์ รัชทายาทซึ่งประสูติจากสมเด็จพระราชินีต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศอินเดีย

หลังจากเจ้าชายกัสสปะ ได้จับพระราชบิดาขังคุกแล้วโบกปูนปิดทับทั้งที่ยังมีพระชนม์ชีพ จากนั้นก็สถาปนาพระองค์เองเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงไม่โปรดที่จะครองราชย์อยู่ที่อนุราธปุระ ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ที่สิคีริยา ใช้เวลาในการสร้างนาน 7 ปี

พระเจ้ากัสสปะครองราชย์อยู่นาน 18 ปี ก็ถูกเจ้าชายโมคคัลาน์ พระอนุชาต่างพระมารดา
ยกทัพมาจากประเทศอินเดียมาชิงพระราชบังลังก์คืน ทรงล้อมสีหคีรีไว้แน่นหนา พระเจ้ากัสสปะไม่มีทางสู้

จึงตัดสินพระทัยปลิดพระชนม์ชีพพระองค์เองในพระราชวังบนขุนเขาแห่งนี้
สิคีริยา เป็นอนุสรณ์สถานของคนบาป ลูกฆ่าพ่อเพื่อชิงราชบัลลังก์ ทั้งๆ ที่พระเจ้าธาตุเสนเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระราชหฤทัยดี
มีเมตตา เป็นที่ยกย่องของข้าราชบริพารและพสกนิกรของพระองค์

เวลาผ่านไป ขุนเขาสีหคีรีก็ถูกทอดทิ้งเป็นเมืองร้างนานนับศตวรรษ ต้นไม้ใบหญ้าขึ้นปกคลุมเป็นป่ารกชัฏ
เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์นานาชนิด
ล่วงมาจนถึงศตวรรษที่ 19 พันเอกเบส ฟอร์เบส นายทหารอังกฤษได้เป็นผู้ค้นพบความลับในป่าลึก
เขาได้บันทึกถึงสภาพแวดล้อมของสีหคีรีไว้อย่างละเอียด แต่ก็ไม่สามารถคลำทางไปจนถึงยอดของสีหคีรีได้
ต่อมาในพ.ศ. 1853 อดัมส์และเบเลย์ พร้อมด้วยชาวพื้นเมืองอีก 2 คน ได้ปีนเขาขึ้นไป สำรวจพบภาพจิตรกรรมฝาผนัง
ภาพชุดแรกที่เขาค้นพบเป็นรูปสิงโต
ต่อมาในปี พ.ศ.1875 เดวิดก็พบภาพชนิดเดียวกันทางด้านตะวันตก ภาพเหล่านี้ลบเลือนไปบ้าง

🏫กรมศิลป์ฯ แห่งชาติ จึงได้เข้าไปอนุรักษ์ไว้เป็นครั้งแรก
• ในปี พ.ศ. 1876 บัดเลย์ ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างบนเขาแห่งนี้ ได้มีการกล่าวถึงทางขึ้นทางด้านทิศตะวันตก ซึ่งถูกปิดด้วยป่าทึบ มีผู้ค้นพบคูน้ำและป้อมกันภัย ต่อมานายเอช ซี พี เบล อธิบดีกรมโบราคดีได้ค้นพบทางขึ้นด้านตะวันออก โดยจ้างคนไต่เขาขึ้นไปหาภาพเขียนเพิ่มขึ้น เริ่มทางป่ารอบๆ เขา และเริ่มบูรณะจิตกรรมโบราณนี้อย่างจริงจังตั้งแต่ปีพ.ศ. 1894

รายการบล็อกของฉัน