ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เรื่องราวของชายผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรม เรือไททานิก แต่ถูกประณามจนไม่มีที่ยืนในสังคม

🚢ตกนรกทั้งเป็น! เรื่องราวของชายผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรม ‘เรือไททานิก’ 
แต่ถูกประณามจนไม่มีที่ยืนในสังคม
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 ‘เรือไททานิก’ (Titanic) เรือยักษ์สุดหรูที่ออกเดินทางเที่ยวแรกจากเมืองเซาแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ มุ่งหน้าสู่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้พุ่งชนภูเขาน้ำแข็งจนอับปางลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 1,517 ราย และรอดชีวิตเพียง 706 คนเท่านั้น โดยหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์โศกนาฏกกรรมครั้งนี้ ก็คือ ‘ชาย’ ผู้มีส่วนสำคัญในการสร้าง ‘เรือไททานิก’ ขึ้นมา แต่การรอดชีวิตของชายคนนี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ทำให้เขาต้องพบกับความอับอายและถูกประณามจากสังคมไปชั่วชีวิต! เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น!? เลื่อนลงไปอ่านด้านล่างได้เลย

‘เจ. บรูซ อิสเมย์’ (J. Bruce Ismay) กรรมการผู้จัดการบริษัทเรือเดินสมุทร ไวท์ สตาร์ ไลน์ (White Star Line) บริษัทผู้เป็นเจ้าของ ‘เรือไททานิก’ คือหนึ่งในผู้โดยสารที่เดินทางไปกับเรือไททานิกเที่ยวปฐมฤกษ์ร่วมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ กว่า 2,223 คน ก่อนออกเดินทาง บรูซได้สั่งให้พนักงานลดจำนวนเรือชูชีพบนเรือไททานิกลงจากเดิม 32 ลำ เหลือเพียง 20 ลำ โดยให้เหตุผลว่า เรือชูชีพเหล่านั้นบดบังทัศนวิสัยของผู้โดยสาร นอกจากนั้นในวันเกิดเหตุบรูซยังได้สั่งให้ ‘กัปตัน เอ็ดเวิร์ด เจ. สมิธ’ (Edward J. Smith) กัปตันผู้ควบคุมเรือไททานิกเร่งความเร็วของเรืออย่างเต็มที่ เพื่อให้เรือไททานิกเดินทางไปถึงมหานครนิวยอร์กอันเป็นจุดหมายปลายทางก่อนกำหนดการเดิม และเพื่อทำลายสถิติในการเป็นเรือเดินสมุทรลำแรกของโลกที่แล่นด้วยความเร็วสูง จนมิอาจมีเรือลำใดเทียบได้!

และนั่นก็คือสาเหตุหลักที่ทำให้เรือไททานิกพุ่งเข้าชนภูเขาน้ำแข็งจนก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของมวลมนุษยชาติ ไม่เพียงเท่านั้นในตอนที่เรือกำลังจะจม ขณะที่ลูกเรือและเจ้าหน้าที่คนอื่นกำลังเร่งช่วยผู้โดยสารกันอย่างอลหม่าน โดยการให้เด็กและสตรีลงเรือชูชีพก่อนเป็นกลุ่มแรก เพราะเรือชูชีพมีไม่เพียงพอกับทุกคนอยู่นั้น ‘เจ. บรูซ อิสเมย์’ ถึงกับต้องเอาผ้ามาคลุมศีรษะเพื่อพรางตัวเป็นสตรีและลงไปบนเรือชูชีพ! ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลที่ว่า ทำไมชายผู้นี้จึงเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนจากเหตุโศกนาฏกรรมเรือล่มในครั้งนั้น!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวการเอาชีวิตรอดของ ‘เจ. บรูซ อิสเมย์’ ด้วยการทิ้งผู้โดยสารที่มีอุปการคุณไว้เบื้องหลังแดงขึ้น ผู้คนต่างประณามหยามเหยียดว่า บรูซเป็นชายขี้ขลาดตาขาว! แม้เขาจะพยายามแก้ต่างให้ตัวเองว่า ตนเห็นที่ว่างบนเรือเลยกระโดดลงไปด้วยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้สังคมเห็นใจเขาเลย ตรงกันข้ามกลับโดนซ้ำเติมหนักกว่าเดิมหลายเท่า! ซ้ำร้ายภรรยายังมาขอเลิกเพราะทนกับข่าวความเห็นแก่ตัวของสามีตัวเองไม่ไหว!
สุดท้ายชีวิตของชายที่ชื่อ ‘เจ. บรูซ อิสเมย์’ 
ก็ล่มไม่เป็นท่า บรูซไม่กล้าแม้แต่ออกจากบ้านเพื่อไปสู้หน้าใครได้อีก เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านก่อนจะเสียชีวิตลงอย่างเงียบๆ คนเดียว
เรียบเรียงข้อมูลโดย เหยินศักดิ์

รายการบล็อกของฉัน