บนโลกนี้มีถ้ำให้ค้นหาสำรวจมากมายหลายแห่ง ซึ่งถึงแม้ว่าจะอันตรายเพียงใด แต่เพื่อได้ไปสถานที่สวยงามลึกลับเหล่านี้ อาจทำให้ใครหลายคนยอมเสี่ยงอันตรายเลยทีเดียว
ลึกลงไปใต้ดินของทะเลทราย
รัฐชีวาวา ประเทศเม็กซิโก
ก็มี “ถ้ำคริสตัล” ที่ระยิบระยับเหมือนกับบ้านที่ขั้วโลกเหนือของซุปเปอร์แมนจากในภาพยนตร์ แล้วคุณล่ะยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อไปชมความสวยงามนี้ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์หรือไม่?
รัฐชีวาวา ประเทศเม็กซิโก
ก็มี “ถ้ำคริสตัล” ที่ระยิบระยับเหมือนกับบ้านที่ขั้วโลกเหนือของซุปเปอร์แมนจากในภาพยนตร์ แล้วคุณล่ะยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อไปชมความสวยงามนี้ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์หรือไม่?
ถ้ำคริสตัลยักษ์ในเม็กซิโก
ทีมวิชาการธรณีไทยบอกว่า
ผลึกแร่ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกถูกค้นพบในถ้ำใต้ดิน ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก ประกอบไปด้วยผลึกแร่ยิปซัม มีลักษณะโปร่งใส เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายต่อ
นักสำรวจเป็นอย่างมาก สภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครสามารถทนอยู่ได้นานเกินหนึ่งชั่วโมง
✋ถ้ำผลึกขนาดใหญ่นี้ ตั้งอยู่
ที่เมืองไนก้า ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก หรือประมาณ 130 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐชีวาวา บริเวณนี้เป็นเหมืองตะกั่ว สังกะสี และเงิน ชื่อว่า เหมืองไนกา
ซึ่งเป็นเหมืองที่มีคนรู้จักไปทั่วโลก เนื่องจากการค้นพบผลึก
แร่ยิปซัมขนาดใหญ่ อยู่ในโพรงถ้ำที่เรียกกันว่า ถ้ำคริสตัลยักษ์ (Cave of the Crystals)
ที่ความลึก 300 เมตรจากพื้นดิน
โดยผลึกแร่นี้เกิดจากของไหลเนื่องจากน้ำร้อนที่มาจากกระเปาะหินหนืดแมกมาที่อยู่ข้างใต้
👉การค้นพบ
![]() |
ผลึกแร่ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกถูกค้นพบในถ้ำใต้ดิน ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก ประกอบไปด้วยผลึกแร่ยิปซัม มีลักษณะโปร่งใส เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายต่อ
นักสำรวจเป็นอย่างมาก สภาพแวดล้อมที่ไม่มีใครสามารถทนอยู่ได้นานเกินหนึ่งชั่วโมง
✋ถ้ำผลึกขนาดใหญ่นี้ ตั้งอยู่
ที่เมืองไนก้า ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก หรือประมาณ 130 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐชีวาวา บริเวณนี้เป็นเหมืองตะกั่ว สังกะสี และเงิน ชื่อว่า เหมืองไนกา
ซึ่งเป็นเหมืองที่มีคนรู้จักไปทั่วโลก เนื่องจากการค้นพบผลึก
แร่ยิปซัมขนาดใหญ่ อยู่ในโพรงถ้ำที่เรียกกันว่า ถ้ำคริสตัลยักษ์ (Cave of the Crystals)
ที่ความลึก 300 เมตรจากพื้นดิน
โดยผลึกแร่นี้เกิดจากของไหลเนื่องจากน้ำร้อนที่มาจากกระเปาะหินหนืดแมกมาที่อยู่ข้างใต้
![]() |
ถ้ำแรกที่ถูกค้นพบคือ ถ้ำ Cueva de las Espadas
(ภาษาสเปน) หรือเรียกว่า
ถ้ำแห่งดาบ (Cave of Swords) จากการสำรวจของคนงานเหมืองแร่เมื่อปีพ.ศ.2453 ตำแหน่งถ้ำอยู่ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 120 เมตร โดยผลึกแร่มีความยาวประมาณ 1 เมตร
(ภาษาสเปน) หรือเรียกว่า
ถ้ำแห่งดาบ (Cave of Swords) จากการสำรวจของคนงานเหมืองแร่เมื่อปีพ.ศ.2453 ตำแหน่งถ้ำอยู่ลึกลงไปใต้ดินประมาณ 120 เมตร โดยผลึกแร่มีความยาวประมาณ 1 เมตร
👉ต่อมาในเดือนเมษายน ปีพ.ศ.2543 หรือ 90 ปีจากการค้นพบถ้ำแห่งดาบ คนงานเหมืองสองพี่น้อง ฟลอย และจาเวียร์ เดลกาโด้ (Floy & Javier Delgado) ได้ค้นพบถ้ำที่เต็มไปด้วยผลึกแร่ขนาดใหญ่กว่าถ้ำแรก ซึ่งพบโดยบังเอิญระหว่าง
ที่พวกเขากำลังระเบิดอุโมงค์ใต้ดินใกล้กับแนวรอยเลื่อน เพื่อหาสายแร่เงิน สังกะสี และตะกั่ว ให้กับบริษัทเหมืองแร่ Peñoles
ที่พวกเขากำลังระเบิดอุโมงค์ใต้ดินใกล้กับแนวรอยเลื่อน เพื่อหาสายแร่เงิน สังกะสี และตะกั่ว ให้กับบริษัทเหมืองแร่ Peñoles
👉ถ้ำคริสตัลยักษ์ที่ค้นพบนี้มีชื่อเป็นภาษาสเปนว่า Cueva de los Cristales หรือ Cave of the Crystals มีตำแหน่งลึกลงไปใต้ดินกว่า 300 เมตร ในชั้นหินปูน พื้นและฝนังถ้ำเต็มไปด้วยผลึกแร่ยิปซัมที่ก่อตัวเป็นแท่งยื่นออกมาภายในถ้ำ ผลึกแร่ที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวถึง 12 เมตร ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 เมตร และหนัก 55 ตัน ถ้ำผลึกยักษ์นี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาถ้ำที่ค้นพบ มีความสวยงามมาก และยังคงมีการรักษาสภาพผลึกแร่
ไว้เป็นอย่างดี
ไว้เป็นอย่างดี
![]() |
นอกจากนี้ในปีเดียวกัน (พ.ศ.2543) ก็ยังได้ค้นพบถ้ำอีกสองแห่งชื่อว่า Queen’s Eye Cave และ Candles’ Cave
ในปีพ.ศ.2552 มีการค้นพบถ้ำใหม่ชื่อว่า Ice Palace ซึ่งอยู่ลึก 150 เมตรจากผิวดิน และมีผลึกแร่ที่เล็กกว่ามาก
สภาพทั่วไป
ผลึกแร่ยักษ์เหล่านี้เติบโตมาในสภาพแบบไอน้ำร้อน เนื่องจากอยู่ในสภาพอุณหภูมิที่สูงเกินกว่า 50 องศาเซลเซียส และมีความชื้น 100% ให้ลองนึกถึงเวลาเราเปิดฝาหม้อหุงข้าวตอนหุงเสร็จใหม่ๆ แล้วจะเห็นภาพ มนุษย์จะไม่สามารถทนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้นานหากไม่มีเครื่องป้องกัน โดยคนทั่วไปสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมนี้ได้เพียง 6 ถึง 10 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะสูญเสียสภาพทางจิตอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ลักษณะทางธรณีวิทยาและการเกิดภูเขาเขาในบริเวณนี้เป็นหินปูนเนื้อแน่นยุคครีเทเชียส (สมัยอัลเบียน ~112 ล้านปี) ภายในประกอบด้วยโพรงถ้ำจำนวนมาก มีความร้อนสูงในที่ลึก และมีสายแร่น้ำร้อนไหลผ่าน เมื่อน้ำร้อนไหลมายังบริเวณที่อุณหภูมิต่ำและมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับบนพื้นผิวโลก ก็จะเกิดการตกสะสมของเกลือที่มีส่วนประกอบของตะกั่ว สังกะสี และเงินจำนวนมาก
👉น้ำใต้ดินในถ้ำที่มีปริมาณกำมะถัน (sulfer) สูงที่มาจากบริเวณที่ใกล้กับแหล่งที่มีการตกสะสมของโลหะ จะเริ่มละลายฝนังของหินปูน ซึ่งจะให้สารละลายแร่แคลเซียม (calcium) ออกมาในปริมาณมาก สารละลายแคลเซียมนี้ก็จะรวมตัวกับกำมะถันก่อตัวเป็นผลึกแร่ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาหลายปี ซึ่งผลึกแร่นี้เป็นรูปแบบหนึ่งที่สวยงามของแร่ยิปซัมที่เรียกว่าเซเลไนต์ (selenite) ที่ตั้งมาจากชื่อ Selene ในภาษากรีกที่แปลว่า เทพธิดาแห่งพระจันทร์ (Goddess of the moon) ประกอบไปด้วยแคลเซียมซัลเฟส ไฮเดรท (calcium sulfate hydrate :CaSO42H2O)
👉สรุปถ้ำคริสตัลยักษ์
ผลึกแร่มีความยาวมากถึง 12 เมตร และหนักกว่า 55 ตันแท่งผลึกแร่เหล่านี้คือแร่ยิปซัม (gypsum)
ด้วยความอุณหภูมิภายในถ้ำที่สูงมาก ทำให้คนเราไม่สามารถอยู่ในถ้ำได้นาน หากเกินกว่า 15 นาที อาจตายได้
ผลึกแร่ยักษ์ที่พบในถ้ำมีความแข็งน้อยกว่าเล็บของเราซะอีก แน่หล่ะ แร่ยิปซัมความแข็ง
เท่ากับ 2 สันนิษฐานว่าผลึกที่ใหญ่ที่สุดมีอายุ 500,000 ปี
ความร้อนสูงภายในถ้ำนี้ได้มาจากใต้โลก ซึ่งระบายออกมาตามแนวรอยเลื่อน โดยกระเปาะหินหนืด (magma chamber) ใต้ถ้ำกว่าสองกิโลเมตรเป็นตัวให้ความร้อนกับน้ำใต้ดิน ซึ่งไหลผ่านตามแนวเทือกเขา
ถ้ำคริสตัลยักษ์ Cueva de Los Cristales มีอุณหภูมิกว่า 50 องศาเซลเซียส และมีความชื้น 100 เปอร์เซ็นต์!
เหมืองไนกาต้องทำการสูบน้ำออกในอัตรา55-100 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน!น้ำที่ได้จากการสูบออกทำให้เกิดทะเลสาปใน
ทะเลทราย Chihuahua และใช้ยังนำไปใช้รดน้ำสนามกอล์ฟอีกด้วยเหมืองไนกาเป็นเหมืองตะกั่ว (lead mine) ที่ได้ปริมาณตะกั่วจากการผลิตมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีประมาณของแร่เงิน (silver) มากเช่นกัน
ในอดีตการบันทึกเทปวิดีโอในถ้ำนั้นมีความยากมาก เนื่องจากอุณหภูมิและความชื้นสูง ทำให้ต้องมีการนำหุ่นยนต์มาใช้ในการควบคุมกล้องแทนคน มีการทดสอบและพัฒนาเทคนิกการถ่ายทำวิดีโอตลอดการถ่ายทำ
หนึ่งในเทคนิกที่ทีมนักสำรวจยังใช้ในการถ่ายทำวิดีโอคือการถ่ายภาพนิ่งอย่างต่อเนื่อง (stop-motion) จากกล้องดิจิตอล มากถึง 200 ภาพต่อการหมุนกล้องหนึ่งองศาเลยทีเดียว ทำให้ได้ภาพสวยงามภายในถ้ำ
ภายใต้ชุดสีแสดที่นักสำรวจใส่ในถ้ำนั้น ประกอบไปด้วยก้อนหรือแท่งน้ำแข็ง เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและระบบหายใจ ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 20 กิโลกรัมทีเดียว
👉ในอนาคตถ้าเหมืองไนกาหยุดทำการปั๊มน้ำ ถ้ำคริสตัลก็จะจมอยู่ใต้ชั้นน้ำบาดาล
การศึกษาผลึกแร่ยิปซัมจึงต้องรีบทำในขณะที่เหมืองยังเปิดทำการอยู่
สภาพทั่วไป
ผลึกแร่ยักษ์เหล่านี้เติบโตมาในสภาพแบบไอน้ำร้อน เนื่องจากอยู่ในสภาพอุณหภูมิที่สูงเกินกว่า 50 องศาเซลเซียส และมีความชื้น 100% ให้ลองนึกถึงเวลาเราเปิดฝาหม้อหุงข้าวตอนหุงเสร็จใหม่ๆ แล้วจะเห็นภาพ มนุษย์จะไม่สามารถทนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้นานหากไม่มีเครื่องป้องกัน โดยคนทั่วไปสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมนี้ได้เพียง 6 ถึง 10 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะสูญเสียสภาพทางจิตอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ลักษณะทางธรณีวิทยาและการเกิดภูเขาเขาในบริเวณนี้เป็นหินปูนเนื้อแน่นยุคครีเทเชียส (สมัยอัลเบียน ~112 ล้านปี) ภายในประกอบด้วยโพรงถ้ำจำนวนมาก มีความร้อนสูงในที่ลึก และมีสายแร่น้ำร้อนไหลผ่าน เมื่อน้ำร้อนไหลมายังบริเวณที่อุณหภูมิต่ำและมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับบนพื้นผิวโลก ก็จะเกิดการตกสะสมของเกลือที่มีส่วนประกอบของตะกั่ว สังกะสี และเงินจำนวนมาก
👉น้ำใต้ดินในถ้ำที่มีปริมาณกำมะถัน (sulfer) สูงที่มาจากบริเวณที่ใกล้กับแหล่งที่มีการตกสะสมของโลหะ จะเริ่มละลายฝนังของหินปูน ซึ่งจะให้สารละลายแร่แคลเซียม (calcium) ออกมาในปริมาณมาก สารละลายแคลเซียมนี้ก็จะรวมตัวกับกำมะถันก่อตัวเป็นผลึกแร่ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาหลายปี ซึ่งผลึกแร่นี้เป็นรูปแบบหนึ่งที่สวยงามของแร่ยิปซัมที่เรียกว่าเซเลไนต์ (selenite) ที่ตั้งมาจากชื่อ Selene ในภาษากรีกที่แปลว่า เทพธิดาแห่งพระจันทร์ (Goddess of the moon) ประกอบไปด้วยแคลเซียมซัลเฟส ไฮเดรท (calcium sulfate hydrate :CaSO42H2O)
👉สรุปถ้ำคริสตัลยักษ์
ผลึกแร่มีความยาวมากถึง 12 เมตร และหนักกว่า 55 ตันแท่งผลึกแร่เหล่านี้คือแร่ยิปซัม (gypsum)
ด้วยความอุณหภูมิภายในถ้ำที่สูงมาก ทำให้คนเราไม่สามารถอยู่ในถ้ำได้นาน หากเกินกว่า 15 นาที อาจตายได้
![]() |
เท่ากับ 2 สันนิษฐานว่าผลึกที่ใหญ่ที่สุดมีอายุ 500,000 ปี
ความร้อนสูงภายในถ้ำนี้ได้มาจากใต้โลก ซึ่งระบายออกมาตามแนวรอยเลื่อน โดยกระเปาะหินหนืด (magma chamber) ใต้ถ้ำกว่าสองกิโลเมตรเป็นตัวให้ความร้อนกับน้ำใต้ดิน ซึ่งไหลผ่านตามแนวเทือกเขา
ถ้ำคริสตัลยักษ์ Cueva de Los Cristales มีอุณหภูมิกว่า 50 องศาเซลเซียส และมีความชื้น 100 เปอร์เซ็นต์!
เหมืองไนกาต้องทำการสูบน้ำออกในอัตรา55-100 ลูกบาศก์เมตรต่อนาที ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน!น้ำที่ได้จากการสูบออกทำให้เกิดทะเลสาปใน
ทะเลทราย Chihuahua และใช้ยังนำไปใช้รดน้ำสนามกอล์ฟอีกด้วยเหมืองไนกาเป็นเหมืองตะกั่ว (lead mine) ที่ได้ปริมาณตะกั่วจากการผลิตมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีประมาณของแร่เงิน (silver) มากเช่นกัน

หนึ่งในเทคนิกที่ทีมนักสำรวจยังใช้ในการถ่ายทำวิดีโอคือการถ่ายภาพนิ่งอย่างต่อเนื่อง (stop-motion) จากกล้องดิจิตอล มากถึง 200 ภาพต่อการหมุนกล้องหนึ่งองศาเลยทีเดียว ทำให้ได้ภาพสวยงามภายในถ้ำ
ภายใต้ชุดสีแสดที่นักสำรวจใส่ในถ้ำนั้น ประกอบไปด้วยก้อนหรือแท่งน้ำแข็ง เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายและระบบหายใจ ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 20 กิโลกรัมทีเดียว
การศึกษาผลึกแร่ยิปซัมจึงต้องรีบทำในขณะที่เหมืองยังเปิดทำการอยู่