![]() |
ทันทีที่ได้เห็นภาพนี้ ผู้เขียนก็นึกขึ้นเล่นๆ ว่านี่คงเป็นประโยคใช้เรียกลูกค้า ของพ่อค้าเร่ริมถนนในอียิปต์ ที่เอามัมมีหลายตัวมาขายแบกะดิน ราวกับเป็นข้าวของเครื่องใช้ปกติอย่างหนึ่ง ซึ่งหากมองจากมุมของคนยุคปัจจุบัน เราคงเห็นว่าภาพนี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควร เพราะคนยุคหลังตระหนักรู้และให้ความสำคัญของมัมมี ตอนนี้มันจึงได้กลายมาเป็นสมบัติล้ำค่าทั้งมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ และทางประวัติศาสตร์
ต่างจากคนสมัยก่อนที่มองต่างกันไป มัมมีไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับพวกเขามากไปกว่าวัตถุชิ้นหนึ่งที่จะนำมาใช้หาประโยชน์ ซึ่งก็โทษพวกเขาไม่ได้เพราะขณะนั้นพวกเขายัง “ไม่รู้” และไม่เห็นความสำคัญของมัน ด้วยสมัยก่อนมัมมีมีอยู่เกลื่อนกลาด แม้ว่าชาวอียิปต์จะเลิกประเพณีทำมัมมีไปนานหลายปี แต่มันก็ยังมีให้พบอยู่บ่อยๆ เห็นได้จากปากคำของคนที่คลุกคลีอยู่กับมัมมี
“การทำมัมมีไม่ได้มีเฉพาะกับฟาโรห์ และชนชั้นสูงเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่ทำกันเป็นปกติในอียิปต์เป็นร้อยๆ ปี”
เรจีน ชูลซ์ (Regine Schulz) ภัณฑารักษ์งานศิลปะโบราณประจำ Walters Art Museum ในบัลติมอร์กล่าว “ป้าของเราเคยใช้ชีวิตในอียิปต์หลายปีในช่วงทศวรรษที่ 1950-1960 ซึ่งพายุทะเลทรายหลายๆ ครั้งก็จะเผยซากมัมมีเล็กๆ ให้เห็นเป็นประจำ บางทีก็เป็นซากที่ถูกห่อชิ้นเล็กๆ บางทีก็เป็นกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อย”
ชูลซ์เล่าถึงการซื้อขายมัมมีในอดีตว่า “ตอนนั้น มัมมีเป็นแค่วัตถุ มันไม่ได้ถูกมองว่าเป็นมนุษย์…ไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมายด้วย”
ส่วนสาเหตุที่คนต้องการได้มัมมีมาครอบครองระหว่างในอดีตกับปัจจุบันก็ต่างกัน ยุคปัจจุบันมัมมีคงเป็นที่ต้องการสำหรับนักสะสมที่คลั่งโบราณวัตถุจากอียิปต์ หรือบรรดาพิพิธภัณฑ์ต่างๆ แต่ในอดีตนอกจากจะเป็นของเล่นคนรวย หรือวัตถุเพื่อการศึกษาแล้ว มัมมียังถูกใช้เป็นยาด้วย