![]() |
การสแกนเผยให้เห็นว่าชาวนอร์เวย์โบราณหาใช่นักเชือดจอมป่าเถือน
ค้นหา

Custom Search
เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์เชื่อว่าร่างที่ต่อมาได้ชื่อว่ามนุษย์โกรบาล (Grauballe Man)นั้นนอนอย่างสงบใต้พรุมาตลอดหลายศตวรรษ แต่การศึกษาในภายหลังชี้ให้เห็นว่า เขามีชีวิตอยู่ในราว 290 ปีก่อนคริสต์ศักราชและร่างถูกเก็บรักษาไว้ใต้พรุ ซึ่งช่วยหยุดยั้งการย่อยสลายซากศพของเขา
นักวิทยาศาสตร์ในขณะนั้นคาดว่า
มนุษย์โกรบาลน่าจะถูกสังหารในพิธีกรรมอันทารุณ เนื่องจากรอยเชือดคอขนาดใหญ่และการฉายรังสีเอกซ์ทำให้ทราบว่ากะโหลกสมองที่แตกและขาที่หักของเขาน่าจะเป็นผลมาจากการทรมานและถูกบังคับให้คุกเข่าต่อหน้าเพชฌฆาต แต่ทว่าผลซีทีกลับทำให้เห็นว่าทั้งกระดูกขาและกะโหลกของเขานั้นแตกออกเนื่องจากแรงดันมหาศาลในพรุ
มนุษย์โกรบาลน่าจะถูกสังหารในพิธีกรรมอันทารุณ เนื่องจากรอยเชือดคอขนาดใหญ่และการฉายรังสีเอกซ์ทำให้ทราบว่ากะโหลกสมองที่แตกและขาที่หักของเขาน่าจะเป็นผลมาจากการทรมานและถูกบังคับให้คุกเข่าต่อหน้าเพชฌฆาต แต่ทว่าผลซีทีกลับทำให้เห็นว่าทั้งกระดูกขาและกะโหลกของเขานั้นแตกออกเนื่องจากแรงดันมหาศาลในพรุ
การสแกนทำให้ทราบว่า มนุษย์โกรบาล...
- เป็นชายสุขภาพดี มีอายุ 43 ปี
- เป็นชายสุขภาพดี มีอายุ 43 ปี
ขณะเสียชีวิต
- ตัดผมอย่างสม่ำเสมอ
- โกนหัวครั้งสุดท้ายประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนเสียชีวิต
- อาหารมื้อสุดท้ายคือธัญพืชจำพวกข้าวบาเลน์และโอ๊ต
- อาจเสียชีวิตในฤดูหนาว
- มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยจากอาการข้ออักเสบ และโรคเหงือกอักเสบ
- ตัดผมอย่างสม่ำเสมอ
- โกนหัวครั้งสุดท้ายประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนเสียชีวิต
- อาหารมื้อสุดท้ายคือธัญพืชจำพวกข้าวบาเลน์และโอ๊ต
- อาจเสียชีวิตในฤดูหนาว
- มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยจากอาการข้ออักเสบ และโรคเหงือกอักเสบ
ชายหนุ่มที่ถูกแทงจนเสียชีวิตเมื่อ 5,500 ปีที่แล้ว
การตรวจสอบมัมมี่ที่โด่งดังที่สุดซากหนึ่งของบริติชมิวเซียม ทำให้รู้ว่าเขาคือเหยื่อฆาตกรรม
ในปี 1896 นักโบราณคดีชาวอังกฤษพบซากมัมมี่ชาวอียิปต์ที่เก่าแก่ 5,500 ปี เขาถูกทำให้เป็นมัมมี่เพราะความร้อนของทราย มัมมี่ที่อยู่ในสภาพดีรายนี้ถูกเรียกว่า "มนุษย์เกเบอลีน" (Gebelein Man) เขาคือหนึ่งในของจัดแสดงที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในพิพิธภัณฑ์ ทว่าเจ้าหน้าที่กลับไม่รู้สาเหตุการตายของเขา
ต่อมาการทำซีทีสแกนในปี 2012 ช่วยเผยให้เห็นว่า มนุษย์เกเบอลีนมีแผลฉกรรจ์ที่ไหล่ ซึ่งลึกมากพอทำลายกระดูกสะบักและกระดูกซี่โครงหลายชิ้น
นอกจากนั้นปอดข้างหนึ่งของเขายังถูกทำลาย เศษกระดูกฝังอยู่ในกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ การศึกษาครั้งนี้ได้ผลสรุปว่า เขาคือเหยื่อของอาวุธเพชฌฆาตที่มีความกว้างหน้าตัดราว 1.5-2 เซนติเมตร
ซีทีสแกนทำให้ทราบว่ามัมมี่รายนี้เพิ่งจะหยุดการเจริญเติบโตและมีการสึกกร่อนของฟันเพียงเล็กน้อย นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามนุษย์เกเบอลีนน่าจะมีอายุราวๆ 18-21 ปีขณะที่เขาเสียชีวิต
ซีทีสแกนกับการทำมัมมี่คุณภาพต่ำ
นักวิทยาศาสตร์ชาวโครแอตรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาสแกนมัมมี่อียิปต์อายุ 2,400 ปี ในโรงพยาบาลซาเกร็บ และพบว่าภายในกะโหลกมีวัสดุที่ทราบภายหลังว่าเป็นแท่งไม้ยาว 8 เซนติเมตร พวกเขาเชื่อว่ามันคือเครื่องมือที่ใช้ในการนำเอาสมองออกมาจากศพของผู้ตาย บางส่วนอาจจะหักค้างอยู่ในกะโหลก แม้นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก "เฮรอโดตัส" (Herodotus) จะกล่าวว่า....
การนำสมองออกนั้นใช้ตะขอเหล็กแทงเข้าไปทางรูจมูก แต่การศึกษานี้ทำให้เห็นว่ายังมีการทำมัมมี่คุณภาพต่ำที่ใช้แท่งไม้แทนตะขอเหล็ก