ตัดมือ’ เพื่อแลกกระสุน!
หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์บาดแผลอันร้าวลืกสะเทือนใจ! ‘ตัดมือ’ เพื่อแลกกระสุน ชะตากรรมของชาวคองโกที่ถูกกดขี่ในยุคอาณานิคมของเบลเยียม
“ABIR Congo Company” เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นใน 1898 โดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของกษัตริย์เบลเยียมและนายทุนจากประเทศอังกฤษ เพื่อดำเนินธุรกิจการค้ายางพาราในประเทศคองโกโดยเฉพาะ บริษัท ABIR Congo Company นั้นถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งบริษัทที่หากินกับ “เลือดและความตาย” ของชาวคองโกนับแสนคน
ย้อนกลับไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 บรรดาชาติเจ้าอาณานิคมในยุโรปนั้นส่วนใหญ่แล้วจะมีดินแดนอาณานิคมอยู่ในแอฟริกาซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งชาติต่างๆ ในแอฟริกาก็จะถูกสูบทรัพยากรธรรมชาติกลับไปรวมไปถึงประชาชนที่ถูกจับนำมาเป็นทาสแรงงาน ต้องทนกับชีวิตที่ยากลำบาก “คองโก” ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ตกเป็นประเทศอาณานิคมของตะวันตกอย่างเบลเยี่ยม ซึ่งในขณะนั้นสินค้าที่เบลเยี่ยมรีดเอาจากคองโกก็คือ “ยางพารา”
การบริหารงานของ ABIR Congo Company นั้นจะใช้หน่วยทหาร Force Publique ที่ตั้งขึ้นโดยกษัตริย์ Leopold ที่ 2 แห่งเบลเยียม เพื่อให้ดูแลความสงบในคองโกโดยจะเกณฑ์ชาวคองโกที่จงรักภักดีต่อเบลเยียมมาทำหน้าที่ต่างๆ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายทหารชาวตะวันตก หน้าที่ของทหารพื้นเมืองก็คือการควบคุมแรงงานชาวคองโกให้ทำสวนยางพาราโดยจะตั้งเป้าให้ว่าในแต่ละปีนั้นจะต้องมีส่งเข้าบริษัท ABIR Congo Company เท่าไหร่ นายทหารที่ดูแลหมู่บ้านนั้นๆ จำเป็นที่จะต้องทำยอดให้ได้ตามที่กำหนด ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นวิธีที่ไม่ค่อยจะดีนัก
การควบคุมแรงงานจาก Force Publique นั้นเรียกได้ว่าโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง แรงงานที่ทำงานช้า อืดอาดจะถูกฟาดด้วยแส้ที่ทำมาจากหนังวัวเพื่อกระตุ้นให้ทำเร็วๆ นอกจากนี้ชาวคองโกที่สังกัดหมู่บ้านในแต่ละพื้นที่ยังไม่ต่างอะไรกับสิ่งของระบายอารมณ์ของทหาร พวกผู้ชายมักจะถูกซ้อมอย่างไร้เหตุผล
ส่วนผู้หญิงนั้นก็เปรียบเสมือนเครื่องระบายอารมณ์ทางเพศของทหาร และสิ่งที่น่าสลดใจก็คือบรรดาเหล่าทหารที่ทำเช่นนี้นั้นคือชาวพื้นเมืองแทบทั้งหมด ซึ่งการกระทำเหล่านี้บรรดาผู้บังคับบัญชาที่เป็นชาวตะวันตกล้วนแต่รู้เห็นหมดทั้งสิ้นแต่ไม่ได้ห้ามปรามอะไร
การควบคุมแรงงานจาก Force Publique นั้นเรียกได้ว่าโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง แรงงานที่ทำงานช้า อืดอาดจะถูกฟาดด้วยแส้ที่ทำมาจากหนังวัวเพื่อกระตุ้นให้ทำเร็วๆ นอกจากนี้ชาวคองโกที่สังกัดหมู่บ้านในแต่ละพื้นที่ยังไม่ต่างอะไรกับสิ่งของระบายอารมณ์ของทหาร พวกผู้ชายมักจะถูกซ้อมอย่างไร้เหตุผล ส่วนผู้หญิงนั้นก็เปรียบเสมือนเครื่องระบายอารมณ์ทางเพศของทหาร และสิ่งที่น่าสลดใจก็คือบรรดาเหล่าทหารที่ทำเช่นนี้นั้นคือชาวพื้นเมืองแทบทั้งหมด ซึ่งการกระทำเหล่านี้บรรดาผู้บังคับบัญชาที่เป็นชาวตะวันตกล้วนแต่รู้เห็นหมดทั้งสิ้นแต่ไม่ได้ห้ามปรามอะไร
แต่นั่นยังเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พวกเขาทำกับชาวบ้านที่ไม่สามารถทำยอดน้ำยางพาราได้ตามเป้า การลงโทษจาก Force Publique นั่นก็คือการยิงด้วยปืน เพื่อเป็นการกำราบให้ไม่มีใครกล้าหือและต้องพยายามทำยอดให้ได้ด้วยความกลัว ในการยิงแต่ละครั้งนั้นทหาร Force Publique จำเป็นต้องเขียนเบิกกระสุนจากส่วนกลางด้วยการนำหลักฐานว่า “นำไปใช้งานจริงๆ” ไม่ใช่เอาไปยิงหมาแมวเล่น
ซึ่งวิธีการนำหลักฐานไปเบิกนั่นก็คือการตัดมือและเท้าของเหยื่อกระสุนไปด้วยเพื่อทำการเบิก ซึ่งวิธีนี้ทำให้มีช่องโหว่ในการทุจริตกระสุนด้วยการหาเหยื่อมาแต่ไม่ยิง พวกเขาจะใช้วิธีการตัดมือหรือเท้าของเหยื่อไปเลยโดยที่ไม่ฆ่าเพราะจะนำมือที่ได้นั้นไปเบิกกระสุน นอกจากนี้ความโหดของเหล่า Force Publique นั้นยังรวมไปถึงการฆ่าล้างหมูบ้านเพียงเพราะว่ามีการกระด้างกระเดื่องเกิดขึ้น
ชาวคองโกต้องทนทุกข์ทรมานจากการกดขี่จากเพื่อนร่วมชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติเป็นเวลาร่วม 30 ปี และรออีก 70 ปี กว่าที่เบลเยี่ยมจะหมดอำนาจไปและเมื่อได้รับอิสรภาพ
ทางการคองโกได้ปรับปรุง Force Publique ให้เป็นกองทัพแห่งชาติคองโก โดยไม่ต้องผ่านการควบคุมจากต่างชาติอีกต่อไป และทิ้งไว้เพียงประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยได้กระทำต่อเพื่อนร่วมชาติอย่างโหดร้าย